Contents
เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง
โดย ผศ. ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชากฎหมายภาษีอากร
เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง ใช้เป็นลดหย่อนภาษีได้ ตามที่จ่ายจริง สำหรับคนที่ทำประกันสุขภาพให้ตัวเอง แต่ต้องไม่เกิน ฿25,000 และเมื่อรวมกับ เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และ เงินฝากแบบมีประกันชีวิต แล้วจะต้องไม่เกิน ฿100,000 ด้วย1
เบี้ยประกันชีวิตสุขภาพตนเอง เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งมีหลักเกณฑ์การลดหย่อนแตกต่างจากเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปแต่มีความเกี่ยวพันกันเนื่องจากต้องใช้เพดานสิทธิ์ลดหย่อน ฿100,000 ร่วมกัน
วิธีกรอกค่าลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพตนเองบนแอป iTAX
หากคุณต้องการใช้สิทธิค่าลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพตนเอง สามารถนำมาคำนวณบนแอป iTAX ได้ดังนี้
- ในหน้าแรก (Home) กดที่ » ค่าลดหย่อน
- เลือก ‘ประกันชีวิตสุขภาพ – ตนเอง’
- กรอกจำนวนเบี้ยประกันสุขภาพตนเอง ที่จ่ายตลอดทั้งปี
- กด Done
แอปจะพากลับไปที่หน้า Home และแสดงผลการคำนวณภาษีหลังใช้สิทธิค่าลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพตนเองแล้วให้อัตโนมัติ
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ
เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง ที่จ่ายไปตั้งแต่ 1 ม.ค. 2563 สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง ได้สูงสุดปีละไม่เกิน ฿25,000 และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปและเงินฝากแบบมีประกันชีวิต จะต้องไม่เกิน ฿100,000 ด้วย
เงื่อนไขการรับสิทธิ
เราจะสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพตนเองมาหักลดหย่อนได้ ถ้าเป็นการคุ้มครองการประกันสุขภาพที่รับประกันโดยบริษัทประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัยที่ประกอบกิจการในไทยที่คุ้มครองอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่2
- การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเกิดจากการเจ็บป่วยและการบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะ เนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
- การประกันภัยอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลการทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
- การประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)
- การประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป คุณต้องแจ้งความประสงค์กับบริษัทประกันด้วยว่าต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี3 เนื่องจากบริษัทประกันเองก็มีหน้าที่ต้องส่งข้อมูลการใช้สิทธิของคุณให้กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 มกราคมของทุกปีด้วยเช่นกัน4 (ดูช่องทางแจ้งขอใช้สิทธิของแต่ละบริษัท)
สามารถดูรายชื่อประกันสุขภาพที่ลดหย่อนภาษีได้ที่ iTAX shop
หลักฐานที่ต้องใช้
- ใบเสร็จหรือหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันสุขภาพจากบริษัทประกันที่ระบุข้อความต่อไปนี้
- ชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวประชาชนของผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้มีเงินได้และจ่ายเบี้ยประกันจากเงินได้นั้น
- ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของบริษัทประกัน
- จำนวนเบี้ยประกันสำหรับการประกันสุขภาพ
- จำนวนเงินที่มีสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้
เรื่องที่มักเข้าใจผิดบ่อย
- บริษัทประกันบางแห่ง แจ้งกับลูกค้าว่าการขอหนังสือรับรองการชำระเบี้ยสุขภาพต้องขออนุมัติจากสำนักงาน คปภ. ก่อน จึงจะได้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งเรื่องนี้สำนักงาน คปภ. ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง สำหรับปีภาษี 2560 นี้ เพียงแต่มีใบเสร็จรับเงินหรือหนังสือรับรองจากบริษัทเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการยื่นภาษีก็เพียงพอแล้ว หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน คปภ. 11865
- สำหรับการใช้สิทธิลดหย่อนปีภาษี 2561 เป็นต้นไป แม้กฎหมายจะกำหนดให้ต้องแจ้งความประสงค์การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้บริษัทประกันทราบเพื่อส่งข้อมูลเบี้ยประกันสุขภาพให้แก่กรมสรรพากรอีกที แต่กระบวนการมีเพียงแค่แจ้งความประสงค์ตามแบบฟอร์มที่ได้รับจากบริษัทประกันก็พอแล้ว ซึ่งจะช่วยให้เวลายื่นภาษีจริงไม่ต้องใช้หลักฐานประกอบการยื่นขอลดหย่อนภาษีอีก
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ต้องการซื้อประกันสุขภาพ และต้องการใช้ ประกันสุขภาพเพื่อการลดหย่อนภาษี อย่าลืมแจ้งบริษัทประกันว่าต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วย และหากคุณไม่แน่ใจว่า ประกันสุขภาพจากบริษัทไหนดีที่สุด หรือ กำลังมองหาแผนประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี แต่ไม่รู้ว่าจะต้องเลือกแบบไหนดี? คุณสามารถค้นหาแผนประกันสุขภาพที่เหมาะกับคุณได้ที่ iTAX shop ที่ๆ จะทำให้คุณได้เจอแผนประกันที่ตรงความต้องการ และตัวแทนมืออาชีพอย่างแน่นอน เรารับประกัน!
ซื้อประกันสุขภาพตัวไหนดี?
มาตรวจสอบผลประโยชน์ของประกันสุขภาพยี่ห้อต่างๆ กันไหม?
อ้างอิง
- ^
กฎกระทรวงฉบับที่ 365 (พ.ศ. 2563) และ ข้อ 2(97) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)
- ^
ข้อ 2 ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 315)
- ^
ข้อ 3 ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 315)
- ^
ข้อ 4 ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 315)
- ^
ข่าวประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) www.oic.or.th