Contents

ภาษีเงินได้แบบติดลบ – Negative Income Tax

8,268 views

ภาษีเงินได้แบบติดลบ (Negative Income Tax) เป็นนโยบายให้เงินช่วยเหลือบุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งโดยปกติจะต้องเข้าระบบภาษีและยื่นภาษีเหมือนผู้มีรายได้ทั่วไปด้วย 

Negative Income Tax เป็นเครื่องมือที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ จึงเป็นการดำเนินนโยบายที่กลับฟากกับภาษีเงินได้แบบปกติทั่วไปที่เก็บภาษีจากผู้มีรายได้สูงถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องเสียภาษี

แนวคิดของ Negative Income Tax ถูกเสนอเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1962 โดยศาสตราจารย์ Milton Friedman นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ โดยปรากฏอยู่ในหนังสือ Capitalism and Freedom1

จุดเด่นของ Negative Income Tax

Negative Income Tax (NIT) เป็นการให้เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ จึงมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่สมควรได้รับได้ตรงกลุ่มและครอบคลุมที่สุดเพราะเป็นสวัสดิการแบบเจาะจง (Targeting) ช่วยประหยัดงบประมาณได้มากกว่าการดำเนินโครงการสวัสดิการแบบถ้วนหน้า (Universal) บางโครงการที่ใช้งบประมาณสูงแต่อาจได้ประสิทธิภาพไม่เต็มที่ เพราะงบประมาณถูกจัดสรรให้บุคคลที่ไม่ได้มีรายได้น้อยจริงๆ หรือไม่ได้รับความเดือดร้อนจริง (Inclusion Error)

ในระยะยาว Negative Income Tax สามารถเพิ่มจำนวนคนให้เข้าสู่ระบบภาษีได้มากขึ้น เนื่องจากผู้มีรายได้น้อยก็มีแรงจูงใจให้เข้าระบบภาษีและยื่นภาษีเพื่อรับเงินช่วยเหลือ และหากในอนาคตบุคคลเหล่านี้มีรายได้เพิ่มขึ้นจนถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีแล้ว ก็จะสามารถจัดเก็บภาษีได้ทันทีเพราะอยู่ในระบบภาษีแต่แรกอยู่แล้ว

 

กลไกของ Negative Income Tax

กลไกของ NIT ตามข้อเสนอของ Friedman มีองค์ประกอบ 2 ประการ ได้แก่

  1. เกณฑ์เงินได้ขันต่ำ (Income Threshold) และ
  2. อัตราการชดเชย (Rate of Subsidy)

Friedman ใช้เกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำ 600 ดอลลาร์สหรัฐ/คน ในปี ค.ศ. 1961 และอัตราการชดเชย 50% ยกตัวอย่างได้ดังนี้2

หากนาย A ไม่มีเงินได้เลย นาย A ก็จะได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลเป็นจำนวน $600 x 50% = $300 

หากนาย B มีเงินได้ $200 นาย B ก็จะได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลเป็นจำนวน $400 x 50% = $200

หากนาย C มีเงินได้ $600  ซึ่งเท่ากับเกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำพอดี นาย C ก็จะไม่ได้รับ เงินชดเชยจากรัฐบาล

หากนาย D มีเงินได้สูงกว่า $600 นาย D ก็จะต้องเสียภาษีให้แก่รัฐบาลตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กำหนดไว้

รายได้

เงินได้ส่วนที่ต่ำกว่า เกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำ (สมมติว่าเกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำคือ $600)

NIT หรือเงินโอนจากรัฐบาล คำนวณจากส่วนต่างที่ต่ำกว่าเกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำ (สมมติว่ารัฐบาลช่วยเหลือในอัตรา 50%)

รวมรายได้ทั้งหมดทั้งจากที่หาได้เองและจากการช่วยเหลือของรัฐบาล
$0 $600 $300 $300
$200 $400 $200 $400
$600 $0 $0 $600

ข้อสังเกต

เนื่องจากบุคคลผู้มีรายได้น้อยที่จะรับเงินช่วยเหลือได้ต้องเข้าระบบภาษีด้วย ดังนั้น ในกรณีที่รัฐไม่มีข้อมูลรายได้จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้มากเพียงพอ บุคคลเหล่านี้จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ยื่นภาษีเพื่อให้มีข้อมูลในระบบด้วยแม้ว่าจะไม่มีรายได้เลยก็ตาม ซึ่งอาจสร้างภาระให้ผู้มีรายได้น้อยรวมถึงผู้ไม่มีรายได้ต้องยื่นภาษีทุกปีด้วย ทำให้ต้นทุนการคัดกรองสูงขึ้น

นอกจากนี้ การให้เงินช่วยเหลือจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณมาเพิ่มเติม ซึ่งอาจนำไปสู่การขึ้นภาษีเพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอ ส่งผลให้ผู้เสียภาษีรายอื่นต้องรับภาระภาษีเพิ่มขึ้น

แนวคิด Negative Income Tax ในต่างประเทศ

บางประเทศได้มีการดำเนินนโยบาย Negative Income Tax ไปแล้ว โดยใช้ชื่อเรียกที่แตกต่างกัน ดังนี้3

  • Earned Income Tax Credit (EITC) ใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา อิสราเอล เกาหลีใต้ และสวีเดน
  • Family Tax Benefit (FTB) ใช้ในประเทศออสเตรเลีย
  • Independent Earner Tax Credit (IETC) ใช้ในประเทศนิวซีแลนด์
  • Workfare Income Supplement (WIS) ใช้ในประเทศสิงคโปร์
  • Working Income Tax Benefit (WITB) ใช้ในประเทศแคนาดา
  • Working Tax Credit (WTC) ในประเทศสหราชณาจักร

ความสัมพันธ์กับแนวคิด Universal Basic Income

โดยทั่วไป การดำเนินนโยบาย Negative Income Tax มักถูกพูดถึงควบคู่กับนโยบายรายได้ขั้นต่ำถ้วนหน้า หรือ Universal Basic Income (UBI) ด้วยเนื่องจากมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำเหมือนกัน แต่จุดแตกต่างสำคัญคือ UBI จะให้เงินเป็นรายได้พื้นฐานขั้นต่ำแก่บุคคลทุกคนโดยไม่สนใจว่าจะเป็นผู้มีรายได้มากหรือน้อย

 


อ้างอิง

  1. ^

    Friedman, Milton. 1962. Capitalism and Freedom. Chicago: University of Chicago Press.

  2. ^

    ปัณณ์ อนันอภิบุตร, วิธีร์ พานิชวงศ์, สุมาพร ศรีสุนทร, ลลติา ละสอน, เงินโอน แก้จน คนขยัน (Negative Income Tax), งานสัมมนาวิชาการประจำปีของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง “เศรษฐกิจการคลังไทย: ความท้าทาย การปฏิรูป และความยั่งยืน” วันพุธที่ 6 สิงหาคม 2557 ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ.

  3. ^

    ปัณณ์ อนันอภิบุตร, วิธีร์ พานิชวงศ์, สุมาพร ศรีสุนทร, และ ลลิตา ละสอน, ‘เงินโอน แก้จน คนขยัน (Negative Income Tax)’, งานสัมมนาวิชาการประจำปีของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง “เศรษฐกิจการคลังไทย: ความท้าทาย การปฏิรูป และความยั่งยืน” (2557)