โดย ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชากฎหมายภาษีอากร
ประมวลรัษฎากร (ประ-มวน-รัด-สะ-ดา-กอน) เป็นกฎหมายภาษีฉบับหนึ่งของไทย มีสถานะเทียบเท่าพระราชบัญญัติเพราะฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้มีอำนาจตราและแก้ไข ซึ่งปัจจุบันมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับภาษีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ ภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ โดยอยู่ในอำนาจหน้าที่และการควบคุมของกรมสรรพากร 1
ภาษีที่จัดเก็บตามประมวลรัษฎากร
ปัจจุบัน ประมวลรัษฎากรครอบคลุมการจัดเก็บภาษี 4 ประเภท ดังนี้
- ภาษีเงินได้ (แบ่งเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และ ภาษีเงินได้นิติบุคคล)
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ
- อากรแสตมป์
หน่วยงานจัดเก็บภาษีตามประมวลรัษฎากร
วันที่มีผลใช้บังคับ
- ตั้งแต่ 1 เมษายน 2482 – ปัจจุบัน
ประมวลรัษฎากรบัญญัติขึ้นเมื่อ 31 มีนาคม 24813 และให้เวลาเตรียมตัว 1 ปี โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 เมษายน 24824 จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ประมวลรัษฎากรมีการแก้ไขเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมแล้วมากกว่า 70 ครั้ง โดยมีการแก้ไขโดยรูปแบบต่างๆ ดังนี้
- แก้ไขโดยการออกพระราชบัญญัติ (แก้โดยฝ่ายนิติบัญญัติ) จำนวน 54 ครั้ง5
- แก้ไขโดยการออกพระราชกำหนด (แก้โดยฝ่ายบริหาร) จำนวน 19 ครั้ง6
- แก้ไขโดยการประกาศของคณะปฏิวัติ/รัฐประหาร จำนวน 3 ครั้ง7
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประมวลรัษฎากร
ประมวลรัษฎากรแม้มีบทบัญญัติเพียง 129 มาตรา แต่ครอบคลุมภาษีถึง 4 ประเภท อีกทั้งยังเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเศรษฐกิจและการคลังของภาครัฐ จึงทำให้มีบทบัญญัติที่อยู่นอกประมวลรัษฎากรอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมักเป็นการกำหนดข้อยกเว้นของกฎหมายภาษี หรือกำหนดรายละเอียดบางประการที่ไม่ได้ปรากฏในประมวลรัษฎากร โดยจำแนกตามลำดับชั้นได้ดังนี้
1. พระราชกำหนด
พระราชกำหนด ออกโดยคณะรัฐมนตรี (ฝ่ายบริหาร) ในภาวะจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งภาษีมักเกี่ยวข้องโดยตรงกับการนโยบายเศรษฐกิจและการคลัง หลายครั้งฝ่ายบริหารจึงตัดสินใจตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรขึ้นเพราะเหตุจำเป็นเร่งด่วน โดยมีสถานะเทียบเท่ากับกฎหมายระดับพระราชบัญญัติที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ
พระราชกำหนดเป็นกฎหมายที่ต้องทูลเกล้าเพื่อลงพระปรมาภิไธย
2. พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา ออกโดยคณะรัฐมนตรี (ฝ่ายบริหาร) ซึ่งโดยปกติจะใช้เพื่อลดหรือยกเว้นภาษีตามกรณีที่ประมวลรัษฎากรให้อำนาจรัฐบาลไว้ดังนี้8
- ลดอัตราหรือยกเว้นเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ กิจการ หรือสภาพของท้องที่บางแห่งหรือทั่วไป
- ยกเว้นแก่บุคคลหรือองค์การระหว่างประเทศตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ต่อ องค์การสหประชาชาติ หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือตามสัญญา หรือตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกันกับนานาประเทศ
- ยกเว้นแก่รัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล องค์การศาสนา หรือองค์การกุศลสาธารณะ
ทั้งนี้ รัฐบาลสามารถตราพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการลด/ยกเว้นภาษีในภายหลังได้9
พระราชกฤษฎีกาเป็นกฎหมายที่ต้องทูลเกล้าเพื่อลงพระปรมาภิไธย
3. กฎกระทรวง
กฎกระทรวง (ในที่นี้ หมายถึง กฎกระทรวงการคลัง) ออกโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามมติเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี โดยทั่วไป จะเป็นการกำหนดรายละเอียดบางประการตามที่ประมวลรัษฎากรให้อำนาจรัฐบาลไว้ เช่น กำหนดเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี10
เนื่องจากกฎกระทรวงสามารถออกได้โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามมติเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงไม่ต้องทูลเกล้าเพื่อลงพระปรมาภิไธย จึงใช้คำว่า “ข้อ” แทนคำว่า “มาตรา”
4. อื่นๆ
การศึกษาประมวลรัษฎากร ควรพิจารณาแหล่งข้อมูลอื่นเพิ่มเติม เพื่อประกอบการตีความและบังคับใช้กฎหมายภาษีจากแหล่งต่อไปนี้ด้วย
- ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
- คำสั่งกรมสรรพากร
- ประกาศกระทรวง
- ระเบียบกระทรวง
- คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร
- คำพิพากษาศาลฎีกา เป็นต้น
หมายเหตุ: คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. ย่อมาจาก “ทั่วไป” มีสถานะเป็นกฎหมายลูกที่กรมสรรพากรใช้อำนาจตามกฎหมายลำดับที่สูงกว่าเพื่อใช้บังคับเป็นการทั่วไป ต่างจาก คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. ย่อมาจาก “ปฏิบัติ” ซึ่งเป็นเพียงการกำหนดแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าที่สรรพากร ไม่ได้บังคับใช้กับประชาชนโดยตรง
ข้อสังเกต
- ประมวลรัษฎากรเป็นบทบัญญัติที่ตราขึ้นตั้งแต่รัชกาลที่ 8 จึงยังคงมีการใช้ถ้อยคำโบราณที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้วอยู่บ้าง เช่น “ปีประดิทิน” ซึ่งหมายถึง ปีปฏิทิน เป็นต้น
- แม้ประมวลรัษฎากรจะตราในสมัยรัชกาลที่ 8 แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลไม่ได้ทรงลงพระปรมาภิไธย เนื่องจากขณะนั้นยังทรงมีพระชนมายุเพียง 14 พรรษาและประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงได้ตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยของพระองค์
อ้างอิง
- ^
มาตรา 5 ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 5 ประมวลรัษฎากร
- ^
พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2481
- ^
มาตรา 3 พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2481
- ^
แก้ไขเพิ่มเติมล่าสุดเกี่ยวกับการเก็บภาษี e-service สำหรับธุรกิจแพลตฟอร์มต่างชาติ โดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2564
- ^
แก้ไขเพิ่มเติมล่าสุดเกี่ยวกับการเก็บภาษีคริปโท โดย พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2564
- ^
แก้ไขเพิ่มเติมล่าสุดเกี่ยวกับการหักค่าใช้จ่าย โดย ประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ฉบับที่ 37
- ^
มาตรา 3 ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 3 วรรคสอง ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42 (17) ประมวลรัษฎากร และ กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)