กกต. เปิดช่องทาง แจ้งเหตุจำเป็นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ บนเว็บไซต์ กกต. สำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปเลือกตั้งที่ผ่านมา
แจ้งเหตุจำเป็นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผ่านช่องทางออนไลน์
- เว็บไซต์ กกต. https://stat.bora.dopa.go.th/Election/abscause/#/main
ขั้นตอนการกรอกข้อมูลเพื่อแจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์
- ไปที่เว็บไซต์ https://stat.bora.dopa.go.th/Election/abscause/#/main
- กรอกบัตรประชาชน 13 หลัก
- กรอกรหัสหลังบัตรประชาชน Laser ID
- กรอกชื่อภาษาไทย (โดยไม่ต้องมีคำนำหน้า)
- กรอกนามสกุลภาษาไทย
- กรอกวันเดือนปีเกิดตามบัตรประชาชน
- กดเลือก “ฉันไม่ใช่โปรแกรมอัตโนมัติ”
- กด “ตรวจสอบข้อมูล”
- เลือกสาเหตุไม่ไปใช้สิทธิ ซึ่งมีตัวเลือก ได้แก่
- มีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
- เจ็บป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
- เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
- เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
- มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตร
- ได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้ง
- เหตุสุดวิสัยหรือเหตุอื่นที่คณะกรรมการกำหนด
- กด “บันทึกข้อมูล”
กรณีไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันเลือกตั้ง
1. กรณีมีเหตุอันสมควร
ในการเลือกตั้งคร้ังใด ถ้าผู้มีสิทธิเลือกต้ังไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกต้ังได้เนื่องจากมีเหตุอันสมควร ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการการเลือกต้ังกำหนด ภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้งหรือภายใน 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นไม่อาจแจ้งได้ภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง ให้ดำเนินการแจ้งตามท่ีคณะกรรมการการเลือกต้ังกำหนด ทั้งนี้ การแจ้งเหตุดังกล่าวไม่เป็นการตัดสิทธิท่ีผู้น้ันจะไปใช้สิทธิเลือกต้ังหากภายหลังสามารถเดินทางไปเลือกตั้งได้
อย่างไรก็ตาม การแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทำเป็นหนังสือหรือโดยวิธีการอื่นเพื่อชี้แจงเหตุดังกล่าว โดยสามารถมอบหมายให้บุคคลใดไปยื่นต่อบุคคลซึ่ง กกต. แต่งต้ังแทน หรือ จัดส่งหนังสือชี้แจงเหตุนั้นทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
ถ้า กกต. เห็นว่าไม่ใช่เหตุอันสมควร จะแจ้งให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทราบภายใน 3 วันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้งเหตุ
2. กรณีไม่มีเหตุอันสมควร
หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุท่ีไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกต้ังแล้วแต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันสมควร ผู้น้ันถูกจำกัดสิทธิ ดังต่อไปน้ี
บทลงโทษกรณีไม่ไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ โดยไม่มีเหตุอันสมควร
- ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้
- ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้านตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ได้
- ไม่สามารถเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วย การลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้
- ไม่สามารถดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และ ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองได้
- ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นได้
- ไม่สามารถดำรงตำแหน่งเลขานกุารประธานสภาท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาท้องถิ่นและ เลขานุการรองประธานสภาท้องถิ่นได้
ระยะเวลาจำกัดสิทธิ
การจำกัดสิทธิมีกำหนดเวลาคร้ังละ 2 ปีนับแต่วันเลือกต้ังครั้งท่ีผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกต้ัง
ทั้งนี้ หากในการเลือกต้ังครั้งต่อไปผู้นั้นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอีก ให้นับเวลาการจำกัดสิทธิคร้ังหลังนี้โดยนับจากวันท่ีมิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งใหม่ และหากกำหนดเวลาการจำกัดสิทธิครั้งก่อนยังเหลืออยู่เท่าใดก็ให้กำหนดเวลาการจำกัดสิทธินั้นสิ้นสุดลง
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปน้ี เป็นผู้มีสิทธิเลือกต้ังผู้ว่าฯ กทม.
- บุคคลที่มีสัญชาติไทยโดยการเกิด หรือมีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ โดยได้สัญชาติไทยมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 ปี
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีในวันเลือกตั้ง คือ เกิดวันที่ 22 พฤษภาคม 2547 หรือก่อนหน้านั้น
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึง วันเลือกตั้ง และ
- คุณสมบัติอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดต้ังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด
บุคคลต้องห้ามใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ในวันเลือกตั้ง เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
- เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช
- อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกต้ังไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
- ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
- วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
- มีลักษณะอื่นตามท่ีกฎหมายว่าด้วยการจัดต้ังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด