เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และเงื่อนไขการลงทะเบียน แจกให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปที่มีเงินเดือนไม่เกิน 70,000 บาท และมีเงินในบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท รับโอนเงินช่วงปลายปี 2567 ราวไตรมาส 4 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567)
- แจ้งอายัดบัญชีมิจฉาชีพ – แจ้งความออนไลน์ โดนหลอกโอนเงิน
- thaipoliceonline.com แจ้งความออนไลน์ คดีหลอกลวงออนไลน์
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และเงื่อนไขการลงทะเบียน
- เป็นผู้มีสัญชาติไทย
- อายุ 16 ปีขึ้นไป ภายในวันที่ 30 ก.ย. 2567
- ต้องมีรายได้ทั้งปี 2566 ที่ผ่านมาไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี (เงินเดือนไม่เกิน 70,000 บาท) และ มีเงินในบัญชีเงินฝากรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท โดยนับยอดบัญชีเงินฝากแต่วันที่ 31 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา (แต่ไม่รวมสลากออมทรัพย์ หุ้นกู้ ตราสารหนี้ พันธบัตร)
- ยืนยันตัวตนสำหรับการใช้ดิจิทัลวอลเล็ตตามเกณฑ์ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย แล้ว
- คาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์ราว 50 ล้านคน ใช้งบประมาณ 500,000 ล้านบาท
ขั้นตอนลงทะเบียนรับ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท สำหรับประชาชนทั่วไป
- เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป
- รับเงินดิจิทัล 10,000 บาทครั้งเดียว ผ่านแอปใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้เป็นซุปเปอร์แอปของรัฐบาลและสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดกับบริการอื่นๆ ได้ต่อไป (ไม่ใช้แอปเป๋าตังแล้ว)
รายละเอียดร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
- จะเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้าต่อไปภายในไตรมาส 3 ของปี 2567 (คาดราวกรกฎาคม – กันยายน 2567)
ช่วงเวลารับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ปลายปี 2567 คาดราวไตรมาส 4 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567)
- วงเงิน 10,000 บาทมีอายุการใช้จ่ายได้ราว 6 เดือน
เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ใช้จ่ายได้กับร้านค้าขนาดเล็กในระดับอำเภอตามคุณสมบัติตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น
สินค้า/บริการที่ไม่สามารถนำเงินดิจิทัล 10,000 ไปใช้ได้
- สินค้าอบายมุข
- สินค้าออนไลน์
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม และผลิตภัณฑ์จากกัญชาและพืชกระท่อม
- น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ
- บริการทุกชนิด
- ชำระหนี้
- ค่าเรียน ค่าเทอม
- ค่าน้ำ ค่าไฟ
- ค่าโทรศัพท์
- แลกเป็นเงินสดไม่ได้
- แลกเปลี่ยนในตลาดต่างๆ ไม่ได้
- รายการสินค้าหรือบริการที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดเพิ่มเติม
ร้านค้าที่รับเงินดิจิทัล 10,000 บาทได้
- ร้านค้าขนาดเล็กขนาดเล็กในระดับอำเภอตามคุณสมบัติตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด และอยู่ในระบบภาษีแล้วเท่านั้น เช่น ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และระบบภาษีเงินได้นิติบุคคล
- ทั้งนี้ ร้านค้าจะถอนเงินได้หลังเกิดการใช้จ่ายตั้งแต่รอบที่สองเป็นต้นไป
ที่มาของงบประมาณ 500,000 ล้านบาท
งบประมาณ 500,000 ล้านบาท มาจาก 3 แหล่ง ได้แก่
-
งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 152,700 ล้านบาท
-
ใช้เงินจากมาตรา 28 ของ ธ.ก.ส. วงเงิน 172,300 ล้านบาท
-
บริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 175,000 ล้านบาท
ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับ โครงการ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
10 เมษายน 2567 – ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 3/2567 ว่า รัฐบาลประกาศขอเริ่มต้นการทำนโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตในวันนี้ โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้าในไตรมาสที่ 3 และเริ่มต้นโครงการในไตรมาสที่ 4 ปี 2567
ทั้งนี้ โครงการจะครอบคลุมประชาชนที่ได้รับสิทธิ 50 ล้านคน ใช้วงเงิน 500,000 ล้านบาท
“นโยบายการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว รัฐบาลสามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชน เป็นไปตามตัวบทกฎหมายและกรอบวินัยการเงินการคลัง ร้านค้าสามารถลงทะเบียนได้ในไตรมาส 3 และเงินจะส่งตรงถึงประชาชนไตรมาส 4 ปีนี้” นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าว
‘คลัง’ ชี้แจง แหล่งเงิน 500,000 ล้านบาท มาจาก 3 แหล่ง รัฐบาลไม่ต้องออกกฎหมายกู้เงินเพิ่ม
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 3/2567 หรือ บอร์ดแจกเงินดิจิทัล ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
โดยปลัดกระทรวงการคลัง อธิบายถึงแหล่งวงเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการจำนวน 500,000 ล้านบาท โดยมาจากงบประมาณทั้งปี 2567 และ 2568 รวมกันโดยรัฐบาลไม่ต้องออกกฎหมายกู้เงินเพิ่ม โดยจะใช้แหล่งงบประมาณทั้งหมด แบ่งเป็น 3 ส่วน
- งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 152,700 ล้านบาท
- ใช้เงินจากมาตรา 28 ของ ธ.ก.ส. วงเงิน 172,300 ล้านบาท
- บริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 175,000 ล้านบาท