ลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป แจกให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปที่มีเงินเดือนไม่เกิน 70,000 บาท และมีเงินในบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท รับโอนเงินช่วงปลายปี 2567 ราวไตรมาส 4 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567)
- แจ้งอายัดบัญชีมิจฉาชีพ – แจ้งความออนไลน์ โดนหลอกโอนเงิน
- thaipoliceonline.com แจ้งความออนไลน์ คดีหลอกลวงออนไลน์
ขั้นตอน ลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท
สำหรับประชาชนทั่วไป
- เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป
- รับเงินดิจิทัล 10,000 บาทครั้งเดียว ผ่านแอปใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้เป็นซุปเปอร์แอปของรัฐบาลและสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดกับบริการอื่นๆ ได้ต่อไป (ไม่ใช้แอปเป๋าตังแล้ว)
สำหรับร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการ
- จะเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้าต่อไปภายในไตรมาส 3 ของปี 2567 (คาดราวกรกฎาคม – กันยายน 2567)
ลงทะเบียนเงินดิจิทัลวันไหน?
กลุ่มที่ 1 ประชาชนทั่วไป (กลุ่มสมาร์ทโฟน)
- 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
กลุ่มที่ 2 ประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน
- 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567
ช่องทางโหลดแอป ‘ทางรัฐ’ ลงทะเบียน ยืนยันตัวตน รับเงิน 10,000 ดิจิทัล
- ผู้ใช้งานแอนดรอยด์ (Android) >> โหลดผ่าน Google Play Store
- ผู้ใช้งานไอโฟน (iPhone) >> โหลดผ่าน App Store
ทั้งนี้ รัฐบาลจะไม่ส่งลิงก์ หรือโทรศัพท์ชักชวน หรือส่งข้อความทางไลน์ เพื่อชักชวนลงทะเบียนใดๆ ทั้งสิ้น
‘ทางรัฐ’ แอปรวบรวมบริการของภาครัฐที่สำคัญมาไว้ในแอปเดียว
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. (DGA) เป็นผู้พัฒนาแอป ‘ทางรัฐ’ แอปพลิเคชันพอร์ทัลกลางสำหรับอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมออนไลน์ภาครัฐให้ประชาชน พร้อมตรวจสอบสิทธิ ติดตามสถานะการขอใช้บริการภาครัฐได้อย่างสะดวกในแอปพลิเคชันเดียว
ขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อเข้าใช้งานแอป ‘ทางรัฐ’
- โหลดแอป ทางรัฐ แล้วกดปุ่ม ‘สมัครใช้งาน’
- ศึกษาขั้นการสมัครสมาชิก แล้วกดปุ่ม ‘เริ่มสมัครเลย’
- ศึกษาข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัว แล้วกด ‘ยอมรับ’
- ศึกษาข้อแนะนำการสแกนบัตรประชาชน แล้วกด ‘เริ่มสแกนหน้าบัตร’
- สแกนหน้าบัตรประชาชน
- สแกนบัตรประชาชนด้านหลัง
- ตรวจสอบข้อมูลแล้วกด ‘ไปขั้นตอนถัดไป’
- ศึกษาข้อแนะนำในการสแกนใบหน้า แล้วกด ‘เริ่มยืนยันตัวตน’
- สแกนใบหน้าโดยจัดวางใบหน้าให้อยู่ในกรอบ
- พยักหน้าช้าๆ อย่างต่อเนื่อง
- กำหนดชื่อบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่าน จากนั้นกด ‘ยืนยัน’
- ระบุ Pin Code 6 หลักเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
- ระบุ Pin Code เดิมอีกครั้งเพื่อยืนยัน
- เปิดใช้งานสแกนใบหน้าโดยกดปุ่ม ‘ใช้งาน’ แล้วสแกนใบหน้า
- เมื่อผู้ใช้งานสแกนใบหน้าสำเร็จ ให้กด ‘เริ่มใช้งาน’
- เริ่มใช้บริการต่างๆ ของแอปทางรัฐได้ทันที
ขั้นตอน ลงทะเบียน เงินดิจิทัล 10,000 บาท
สำหรับประชาชนทั่วไป
- เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป
- รับเงินดิจิทัล 10,000 บาทครั้งเดียว ผ่านแอปใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้เป็นซุปเปอร์แอปของรัฐบาลและสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดกับบริการอื่นๆ ได้ต่อไป (ไม่ใช้แอปเป๋าตังแล้ว)
ขั้นตอนลงทะเบียน เงินดิจิทัลวอลเล็ต กลุ่มสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 ผ่านแอป “ทางรัฐ”
กลุ่มที่ 1 ผู้ไม่เคยลงทะเบียนหรือยืนยันตัวตนผ่านแอป “ทางรัฐ” มาก่อน
- กดลงทะเบียนรับสิทธิ
- กดยอมรับเงื่อนไขผู้รับสิทธิ
- กดยอมรับเงื่อนไขโครงการ
- กดยอมรับเงื่อนไขแอปพลิเคชัน
- กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก
- กรอกชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ตามบัตรประชาชน
- สแกนใบหน้าโดยจัดวางใบหน้าให้อยู่ในกรอบ
- พยักหน้าช้าๆ อย่างต่อเนื่อง
- ระบบจะส่งข้อมูลในบัตรประชาชนและรูปที่ถ่าย ไปที่ทะเบียนราษฎร เพื่อตรวจสอบว่าเป็นตัวจริงตามข้อมูลบัตรประชาชน และมีรูปตรงกับข้อมูลทะเบียนราษฎรหรือไม่
กลุ่มที่ 2 ผู้ที่เคยลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” แล้ว
- กดลงทะเบียนรับสิทธิดิจิทัลวอลเล็ต
- กดอนุญาตให้ตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล
หากถูกปฏิเสธสิทธิลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ต้องทำอย่างไร?
กระทรวงการคลังจะตรวจสอบข้อมูล 3 ส่วน จากหน่วยงานประกอบด้วย
- ตรวจสอบว่าผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ มีอายุเกิน 16 ปีหรือไม่ โดยส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมการปกครอง
- ตรวจสอบว่ามีรายได้เกิน 840,000 บาทต่อปีหรือไม่ โดยส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมสรรพากร
- ตรวจสอบว่ามีเงินฝากเกิน 500,000 บาทหรือไม่ โดยส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
หากถูกปฏิเสธสิทธิ จะเป็นเพราะขาดคุณสมบัติรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทำให้ไม่สามารถลงทะเบียนได้
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ ลงทะเบียนรับเงินดิจิตอล 10,000 บาท
- เป็นผู้มีสัญชาติไทย
- อายุ 16 ปีขึ้นไป ภายในวันที่ 30 ก.ย. 2567
- ต้องมีรายได้ทั้งปี 2566 ที่ผ่านมาไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี (เงินเดือนไม่เกิน 70,000 บาท) และ มีเงินในบัญชีเงินฝากรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท โดยนับยอดบัญชีเงินฝากแต่วันที่ 31 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา (แต่ไม่รวมสลากออมทรัพย์ หุ้นกู้ ตราสารหนี้ พันธบัตร)
- ยืนยันตัวตนสำหรับการใช้ดิจิทัลวอลเล็ตตามเกณฑ์ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย แล้ว
- คาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์ราว 50 ล้านคน ใช้งบประมาณ 500,000 ล้านบาท
ช่วงเวลารับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ปลายปี 2567 คาดราวไตรมาส 4 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567)
- วงเงิน 10,000 บาทมีอายุการใช้จ่ายได้ราว 6 เดือน
เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ใช้จ่ายได้กับร้านค้าขนาดเล็กในระดับอำเภอตามคุณสมบัติตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น
สินค้า/บริการที่ไม่สามารถนำเงินดิจิทัล 10,000 ไปใช้ได้
- สินค้าอบายมุข
- สินค้าออนไลน์
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม และผลิตภัณฑ์จากกัญชาและพืชกระท่อม
- น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ
- บริการทุกชนิด
- ชำระหนี้
- ค่าเรียน ค่าเทอม
- ค่าน้ำ ค่าไฟ
- ค่าโทรศัพท์
- แลกเป็นเงินสดไม่ได้
- แลกเปลี่ยนในตลาดต่างๆ ไม่ได้
- รายการสินค้าหรือบริการที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดเพิ่มเติม
ร้านค้าที่รับเงินดิจิทัล 10,000 บาทได้
- ร้านค้าขนาดเล็กขนาดเล็กในระดับอำเภอตามคุณสมบัติตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด และอยู่ในระบบภาษีแล้วเท่านั้น เช่น ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และระบบภาษีเงินได้นิติบุคคล
- ทั้งนี้ ร้านค้าจะถอนเงินได้หลังเกิดการใช้จ่ายตั้งแต่รอบที่สองเป็นต้นไป
ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับ โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
24 กรกฎาคม 2567 – นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าว “ดิจิทัลวอลเล็ต โครงการเพื่อประชาชน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ววันนี้” ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยชี้แจงและเน้นย้ำประเด็นการลงทะเบียนภาคประชาชน ซึ่งจะเปิดให้กลุ่มสมาร์ทโฟนลงทะเบียน 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 เท่านั้น