ภาษี e-Service สำหรับแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติ

ภาษีธุรกิจ

ภาษี e-Service มีผลเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติ ที่ให้บริการผู้บริโภคในไทย และมียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ในอัตรา 7% ของราคาค่าบริการ

การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติที่ได้เงินค่าบริการจากผู้บริโภคภายในประเทศเป็นแนวนโยบายจัดเก็บภาษีการบริโภคที่กว่า 60 ประเทศทั่วโลกได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย

ภาษี e-Service คืออะไร?

ภาษี e-Service คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เรียกเก็บจากแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติ ซึ่งเป็นมาตรการจัดเก็บภาษีใหม่ที่ประกาศตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2564 (พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564)

แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติ คืออะไร?

แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติ หมายถึง แพลตฟอร์มของบริษัทต่างชาติให้บริการออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น

  1. แพลตฟอร์ม E-Commerce ขายของออนไลน์
  2. แพลตฟอร์มโฆษณา ยิง Ad เช่น Facebook, Google
  3. แพลตฟอร์ม Agency จองที่พัก โรงแรม ตั๋วเดินทาง เช่น Booking.com, Agoda
  4. แพลตฟอร์มตัวกลาง เช่น เรียกรถรับส่ง สั่งอาหาร
  5. แพลตฟอร์มบริการออนไลน์ เช่น เกม ดูหนัง ฟังเพลง ระบบ Cloud ประชุมออนไลน์ subscription และ digital content อื่นๆ เช่น App Store, Play Store, PlayStation Store, Netflix, YouTube, Spotify, Zoom, Dropbox

ผู้ประกอบการต่างชาติเริ่มจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในไทยได้รึยัง?

กรมสรรพากรเปิดระบบ VES (VAT for Electronic Service) ให้แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติลงทะเบียนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564

เบื้องต้นนี้ กรมสรรพากรมีรายชื่อแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติรายใหญ่ประมาณ 58 ราย ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากรแล้ว (ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564) โดยคาดว่าจะมีแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติรายอื่นๆ ลงทะเบียนรวมทั้งสิ้นจำนวน 100 ราย เข้ามาดำเนินการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการฯ ในไทย

ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการต่างชาติที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม e-Service ในไทยแล้ว

กรมสรรพากรเปิดระบบให้ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการต่างชาติที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม e-Service ได้ที่ระบบ VAT registrants outside of Thailand >> https://eservice.rd.go.th/rd-ves-web/search/company 

เมื่อเก็บภาษี e-Service แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

  1. ผู้ประกอบการต่างประเทศจะต้องมีต้นทุนที่เท่ากับผู้ประกอบการในประเทศไทย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันกับผู้เล่น
  2. แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติอาจผลักภาระภาษีให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด หรือบางส่วน หรืออาจยอมรับภาระไว้เอง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ประกอบการต่างชาติ
  3. กรมสรรพากรคาดว่าจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากนโยบายภาษี e-Service เพิ่มขึ้นได้ราว 5,000 ล้านบาท

ภาษี e-Service กระทบกับการเก็บภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หรือไม่?

ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเก็บภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เลย เพราะนโยบายภาษี e-Service จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติเท่านั้น

ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง?

กรณีเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว

ถ้าเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในไทยแล้ว ไม่ต้องปรับตัวอะไร ทำเหมือนเดิมทุกอย่าง เนื่องจากแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติจะไม่เรียกเก็บ VAT จากผู้ประกอบการที่แจ้งให้แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติทราบว่าได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในไทย

ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วจะนำภาษีมูลค่าเพิ่มไปชำระให้กรมสรรพากรโดยตรงตามปกติ

กรณีเป็นผู้บริโภคทั่วไป

ถ้าเป็นผู้บริโภคทั่วไป ก็ไม่ต้องปรับตัวอะไรเช่นกัน ทำเหมือนเดิม เนื่องจากเป็นภาระของแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติ เพียงแต่บริการบนบางแพลตฟอร์มอาจปรับราคาค่าบริการเพิ่มขึ้นเพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุนค่าภาษีที่ถูกเรียกเก็บด้วย

สาระสำคัญของภาษี e-Service

1. สภาพปัญหาและสาเหตุของปัญหา

โดยที่ปัจจุบันมีการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศมากขึ้น สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้มีความเหมาะสมกับรูปแบบการประกอบธุรกิจและการใช้บริการดังกล่าว นอกจากนี้ สมควรปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการมี การใช้ หรือการจัดทำเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใดตามประมวลรัษฎากร ให้สามารถดำเนินการด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

2. หลักการสำคัญของกฎหมาย e-Service

แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้

  • แก้ไขเพิ่มเติมให้การดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใดตามประมวลรัษฎากรสามารถดำเนินการด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 3 โสฬส)
  • แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “สินค้า” และเพิ่มบทนิยามคำว่า “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” และคำว่า “อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 77/1 (9) และเพิ่มมาตรา 77/1 (10/1) และ (10/2))
  • แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศแก่ผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน เสียภาษีจากยอดขายโดยไม่ให้หักภาษีซื้อ และให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (เพิ่มมาตรา 82/13 วรรคสองและวรรคสาม)
  • แก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่ของผู้จ่ายเงินในการนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม และหน้าที่ของผู้ประกอบการในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศแก่ผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83/6 (2) และมาตรา 85/3 (2))
  • กำหนดให้การดำเนินการทางทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำโดยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ (เพิ่มมาตรา 85/20)
  • กำหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศออกใบกำกับภาษี (เพิ่มมาตรา 86/1 (1/1))

รู้หรือไม่? ทำไมต้องเสนอกฎหมายเข้ารัฐสภา ทำไมรัฐบาลไม่ออกกฎหมายไปเลย?

หากเป็นการเก็บภาษีเพิ่มเติม รัฐบาลไม่สามารถออกกฎหมายเองได้ เพราะเป็นการเพิ่มภาระให้บุคคลเพิ่มเติมและเป็นการแก้ไขประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ จึงต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา โดยจะออกมาเป็นกฎหมายในระดับ พระราชบัญญัติ ดังนั้น ครม. จึงต้องนำเสนอในรูปแบบ ร่างพระราชบัญญัติ เพื่อให้รัฐสภาเห็นชอบ ซึ่งต่างจากการลดภาษีหรือยกเว้นภาษี ซึ่งอยู่ในอำนาจที่ ครม. สามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา

app icon
iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
star star star star star
(100K+)