ศาลฎีกา พิพากษาลงโทษจำคุก “เปรมชัย กับพวก” คดีล่า ‘เสือดำ’ ในเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า พร้อมชดใช้เงิน 2 ล้านบาทและดอกเบี้ยแก่กรมอุทยาน
- ด่วน! ศาลแพ่ง คุ้มครองชั่วคราว ห้ามนายกฯ ใช้ พ.ร.ก. ‘ปิดปากสื่อ’
- ปรับลดเงินสมทบประกันสังคม 2.5% ต่อถึง พ.ย. 2564
8 ธันวาคม 2564 – ศาลยุติธรรม ได้เผยแพร่คำพิพากษาศาลฎีกา คดีล่า ‘เสือดำ’ โดยในคดีนี้ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต และพวก พร้อมชดใช้เงิน 2 ล้านบาทและดอกเบี้ยแก่กรมอุทยาน โดยมีรายละเอียดดังนี้
คู่ความในคดี เสือดำ
ฝ่ายโจทย์และผู้ร้อง
- พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์
- กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นผู้ร้อง (ขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย)
ฝ่ายจำเลย
- นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1
- นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2
- นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3
- นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4
กฎหมายที่อ้างฐานความผิด
- พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ
- พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
- พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
- พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ความเป็นมาของคดีก่อนขึ้นสู่ศาลฎีกา
จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ซึ่งพิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานร่วมกันทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกคนละ 1 ปี และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาท
ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากเสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท
ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 2 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท
ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ฐานร่วมกันล่าเสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุกคนละ 1 ปี
เมื่อรวมกับโทษจำคุก 3 เดือน ของจำเลยที่ 2 และที่ 4 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต กับโทษจำคุก 6 เดือนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ในความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธฯโดยไม่ได้รับอนุญาต และโทษจำคุก 4 เดือนของจำเลยที่ 4 ในความผิดฐานพยายามล่ากระรอกซึ่งเป็นสัตว์ป่าในเขตพันธุ์รักษาสัตว์ป่าตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดทองผาภูมิ)
คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 17 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน โทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
กับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผลของคำพิพากษาศาลฎีกา
สรุปได้ว่าการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ร่วมกันมีซากเสือดำ ที่ร่วมกันฆ่าไว้ในครอบครองและสถานที่เกิดเหตุเป็นป่าสงวนแห่งชาติ การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย
จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตเพียงกรรมเดียว โดยให้การกำหนดโทษเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7
ส่วนความผิดฐานร่วมกันรับไว้โดยประการใด ๆ ซึ่งซากของไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 55 นั้น ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ฯ ได้มี พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ออกใช้บังคับ และให้ยกเลิก พ.ร.บ. เดิม ซึ่งตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ไม่ได้บัญญัติให้การกระทำความผิดตามกฎหมายเดิมในมาตรา 55 นั้น เป็นความผิดอีกต่อไป จำเลยทั้งสี่จึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 55 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง
ดังนั้น จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 จึงยังคงมีความผิดฐานร่วมกันมีซากไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ ส่วนฎีกาข้ออื่นๆของฝ่ายจำเลยฟังไม่ขึ้น
ทั้งนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติและกำหนดโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7
ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสี่ในความผิดตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 55
สำหรับค่าเสียหายที่จำเลยทั้งสี่ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ให้แก่กรมอุทยาน ฯ ผู้ร้องให้จำเลยทั้งสี่ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 4 ก.พ. 2561 ถึงวันที่ 10 เม.ย. 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปีนับแต่วันที่ 11 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
อนึ่ง อัตราดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 11 เม.ย. 2564 นั้น ถ้ากระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อใด ก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น แต่ต้องไม่เกินอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่ผู้ร้องขอ
นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ค่าฤชาธรรมเนียมคดีส่วนแพ่งของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ในชั้นฎีกาให้เป็นพับ ส่งผลในส่วนของคดีอาญามีการลงโทษจำเลยทั้งสี่ดังนี้
สรุป บทลงโทษทางอาญา คดีเสือดำ
- จำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต (จำเลยที่ 1) 2 ปี 14 เดือน
- จำคุกนายยงค์ โดดเครือ (จำเลยที่ 2) 2 ปี 17 เดือน
- จำคุกนางนที เรียมแสน (จำเลยที่ 3) 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี หากจำเลยที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
- จำคุกนายธานี ทุมมาศ (จำเลยที่ 4 มี) 2 ปี 21 เดือน
ศาลฎีกา พิพากษาลงโทษจำคุก “เปรมชัย กับพวก” คดีล่าเสือดำในเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า ฯ พร้อมชดใช้เงิน 2 ล้านบาทและดอกเบี้ยแก่กรมอุทยาน ฯ #ศาลยุติธรรม #เสือดำ #เปรมชัย pic.twitter.com/FVKAph9lyX
— สื่อศาล (@pr_coj) December 8, 2021