ไทม์ไลน์การโอนเงินเข้า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) กุมภาพันธ์ 2566 โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ทุกวันที่ 1 วันที่ 18 และวันที่ 22 ของเดือน
- เช็คเงินประกันราคาข้าว งวด 16 (ปี 2565/66) 21-27 ม.ค. 66
- วันหยุด 2566 – ปฏิทินวันหยุดราชการ วันหยุดยาว (อัปเดตล่าสุด)
กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้กำหนดการโอนเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (โอนเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) ทุกวันที่ 1 , 18 และ 22 ของเดือน ส่วนวันที่ 18 และ 22 ของเดือนสามารถถอนเป็นเงินสดได้และสะสมในเดือนถัดไปได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ไทม์ไลน์การโอนเงินเข้า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ของ กุมภาพันธ์ 2566
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566
เงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เข้าไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป ได้แก่
- วงเงินซื้อสินค้า 200 – 300 บาท/เดือน
- ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาท/ 3 เดือน (มกราคม – มีนาคม 2566)
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย
- ค่ารถ บขส. 500 บาท/เดือน
- ค่ารถไฟ 500 บาท/เดือน
- ค่ารถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) และ ขสมก. 500 บ./เดือน (สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ใน กทม. และปริมณฑล)
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566
เงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เข้าสามารถกดเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้ ได้แก่
- เงินคืนค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน (สำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาท/เดือน)
- เงินคืนค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน (สำหรับผู้ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาท/เดือน จะได้รับเงินคืนไม่เกิน 100 บาท ส่วนที่เกิน ผู้ถือบัตรฯ จะต้องชำระเอง)
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566
เงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เข้าสามารถกดเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้ ได้แก่
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาท/เดือน (สำหรับผู้ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเบี้ยความพิการ)
สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ไม่ประสงค์จะใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถส่งคืนได้ที่กรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ และสามารถติดตามข่าวสารของกรมบัญชีกลางได้จากช่องทางต่างๆ ของกรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลังตรวจสอบคุณสมบัติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และ ประกาศผลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ของผู้ลงทะเบียนสำหรับการใช้สิทธิเดือนมกราคม 2566 โดยตรวจสอบสถานะผ่าน-ไม่ผ่าน ได้ที่เว็บไซต์โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ https://welfare.mof.go.th
เช็คผลการลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ทางไหน?
- เว็บไซต์โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ https://welfare.mof.go.th
ขั้นตอนการ เช็กผลการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องทำอย่างไรบ้าง?
- ไปที่เว็บไซต์โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ กระทรวงการคลัง https://welfare.mof.go.th
- กดปุ่ม “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน”
- ที่หน้าตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน ให้กรอกข้อมูลเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และวันเดือนปีเกิด (พ.ศ.) โดยให้กรอกข้อมูลตามหน้าบัตรประจำตัวประชาชนใบล่าสุดและยังไม่หมดอายุ ในกรณีไม่ทราบวันเกิด / เดือนเกิด ให้เลือก “ไม่ทราบวันเกิด” / “ไม่ทราบเดือนเกิด”
- กดปุ่ม “ตรวจสอบข้อมูล”
- ระบบจะแสดงผลสถานะการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ผ่าน-ไม่ผ่าน
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมในวัน เวลาราชการได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
- Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 02-109-2345 และ
- Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400
สิทธิประโยชน์ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้ถือบัตรคนจน)
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดภาระค่าครองชีพ เช่น
- ค่าซื้อสินค้า 200-300 บาท
- ค่าเดินทางรถโดยสารสาธารณะ 500 บาท
- ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาท (ต่อรอบ 3 เดือน) กรณีเป็นกลุ่มเปราะบาง จะได้ส่วนลด 100 บาท (ต่อรอบ 3 เดือน)
- เงินช่วยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือน (ตามที่จ่ายจริง)
- เงินช่วยค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือน (ตามที่จ่ายจริง)
- เงินพิเศษผู้พิการ 200 บาท
- ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เป็นพ่อค้า แม่ค้า หาบเร่แผงลอย ร้านค้าขนาดเล็กต่างๆ จะได้ส่วนลดก๊าซหุงต้มพีที (ปตท.) 100 บาท ที่ร้านจำหน่ายที่ร่วมโครงการ
- เงินพิเศษผู้สูงอายุ 50-100 บาท (ขึ้นอยู่กับเกณฑ์รายได้)
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงทะเบียนสมัครบัตรคนจน รอบใหม่
- เป็นผู้มีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป
- ไม่เป็นบุคคล ดังต่อไปนี้
- ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
- ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง
- บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ
- ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ
- ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ
- ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
- ว่างงานหรือมีรายได้ส่วนตัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง และหากมีครอบครัว รายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมรายได้ของผู้ลงทะเบียน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว)
- ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ ของผู้ลงทะเบียนต้องมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง และหากมีครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมมูลค่าทรัพย์สินทางการเงินของผู้ลงทะเบียน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว)
- ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือถ้ามีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
- กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา และ/หรือ ห้องชุดต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
- ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่หรือ
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
- กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว
- ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือ
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
- ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีบัตรเครดิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
- ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ ได้แก่ วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และ/หรือ วงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท