หลายคนน่าจะได้ยินกันจนคุ้นหูไปแล้วว่า ประกันชีวิตใช้ลดหย่อนภาษีได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วสินค้าประเภทประกันภัยนั้นมีประโยชน์มากกว่าการลดหย่อนภาษี และวันนี้ iTAX จะมาบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า ประโยชน์ของประกันชีวิตที่แท้จริงนั้นคืออะไร อยากรู้ว่า ประกันชีวิตมีประโยชน์อย่างไร เลื่อนลงมาเลย
1. ประกันชีวิตให้มากกว่าความคุ้มครอง
เราซื้อประกันชีวิต เพราะต้องการความคุ้มครองด้านชีวิต และกระจายความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงสร้างหลักประกันให้กับคนในครอบครัว เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเกิดเหตุฉุกเฉินที่เป็นอันตรายถึงชีวิตเมื่อไหร่ หากมีประกันชีวิตติดไว้อย่างน้อยๆ คนที่อยู่ข้างหลังก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินมากนัก หรือในกรณีที่คุณทำประกันชีวิตเพื่อการศึกษาสำหรับบุตรไว้ หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นกับตัวคุณก็วางใจได้เลยว่า ลูกๆ ของคุณจะไม่ต้องหยุดเรียนกลางคัน และยังมีเงินไว้ใช้จ่ายเพื่อการศึกษาอย่างแน่นอน
2. ประกันชีวิตช่วยสร้างวินัยทางการเงิน
ในยุค 4.0 แบบนี้ สิ่งที่ล่อลวงเงินให้ออกจากกระเป๋าเราก็เยอะตามไปด้วย หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่มีความระมัดระวังเรื่องการใช้เงินมากพอ อาจจะทำให้คุณพลาดที่จะเก็บเงินเพื่อจะมีไว้ใช้ในอนาคตได้ และหลายๆ คนที่รู้จักตัวเองดีว่า “เป็นคนเก็บเงินไม่เก่ง” หรือ “ไม่มีวินัยในการใช้เงิน” เลือกที่จะซื้อประกันชีวิตสะสมทรัพย์เป็นทางเลือกในการออมเงินแทน
ทั้งนี้เพราะ กรมธรรม์ประกันชีวิตส่วนใหญ่เป็นความคุ้มครองระยะยาว และผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตทุกปีจนกว่าจะครบอายุสัญญา มันก็เหมือนการบังคับตัวเองทางอ้อมให้ต้องรู้จักแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตโดยเฉพาะ
และหากคุณอยากทำประกันชีวิตแต่คิดว่า การจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตรายปีนั้นเป็นเงินก้อนใหญ่เกินไป กลัวว่าทำประกันชีวิตไปแล้วจะไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ เราอยากให้คุณวางใจ เพราะในปัจจุบันบริษัทประกันหลายแห่ง เปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกเองว่า อยากจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตรายปี หรือ รายเดือน (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความคุ้มครอง และ เงื่อนไขของบริษัทประกันแต่ละแห่ง)
3. ประกันชีวิตมาพร้อมผลตอบแทนที่มั่นคงกว่า
หากคุณอยากมีเงินเก็บไว้ใช้อนาคตสักก้อน และเป็นคนไม่ชอบการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ประกันชีวิตถือเป็นช่องทางการออมเงินที่ค่อนข้างจะเหมาะสมเลยทีเดียว เพราะผลตอบแทนของประกันชีวิตนั้นเป็นผลตอบแทนที่ค่อนข้างจะคงที่ ไม่ผกผันมากเท่าการลงทุนในหุ้น หรือการลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ถึงแม้ว่า ประกันชีวิตจะไม่มีความเสี่ยงเท่าหุ้น หรือ กองทุน แต่หากคุณไม่ได้ต้องการความคุ้มครองควบคู่ไปด้วย คุณอาจจะไม่เหมาะกับการวางแผนการเงินด้วยประกันชีวิตเท่าไหร่นัก เพราะจุดประสงค์หลักของการทำประกันชีวิตก็เพื่อความคุ้มครองด้านชีวิต คุณจึงไม่ควรมองแค่ผลตอบแทนที่จะได้รับอย่างเดียวแต่ควรพิจารณาความคุ้มครองที่เหมาะสมควบคู่กันไปด้วย
4. ประกันชีวิตช่วยให้ประหยัดภาษีได้มากขึ้น
เราต่างก็รู้กันอยู่แล้วว่า ค่าเบี้ยประกันชีวิตที่เราจ่ายไปนั้นสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ แต่จะลดหย่อนได้เท่าไหร่ จะสามารถแบ่งได้ดังนี้
- ประกันชีวิตสำหรับตัวเอง : สามารถใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท
- ประกันชีวิตสำหรับคู่สมรส : สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 10,000 บาท และจะต้องเป็นคู่สมรสกันตลอดทั้งปี (ไม่ใช่คู่สมรสที่เพิ่งแต่งงานระหว่างปีภาษี)
- ประกันชีวิตบำนาญ : สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท แต่จะต้องไม่เกิน 15% ของรายได้
และจะต้องเป็นประกันชีวิตที่ทำกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย ที่มีระยะเวลาเอาประกันภัยไม่ต่ำกว่า 10 ปี และผู้เอาประกันภัยจะต้องไม่ทำผิดเงื่อนไข เช่น ยกเลิกสัญญาหรือทำการเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบกำหนดเป็นระยะเวลา 10 ปี เพราะการบอกยกเลิกหรือเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบกำหนดนั้น จะมีผลต่อการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีในอดีตด้วย และคุณอาจจะต้องจ่ายภาษีส่วนต่างเพิ่มเติม (ดอกเบี้ยทางภาษี) ด้วย
รู้แบบนี้แล้ว ทีมงาน iTAX อยากให้ทุกคนที่กำลังมองหาตัวช่วยในการลดหย่อนภาษี เลือกผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษีได้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด หรือหากใครยังไม่แน่ใจว่าประกันชีวิตแบบไหนที่จะตอบโจทย์ตัวเองมากที่สุด ลองเปรียบเทียบแผนประกันชีวิตจากบริษัทประกันชั้นนำได้ที่ iTAX shop เรารับรองว่าคุณจะได้ทั้งแผนประกันที่คุณถูกใจ ค่าเบี้ยประกันที่ไม่แพง แถมตัวแทนดีๆที่ไว้ใจได้อีกด้วย