“กรมบัญชีกลาง” แจง กำหนดการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ของเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เมษายน 2565 โดยผู้ถือบัตรบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน รับเงินเพิ่มอีก 200 บาท เริ่มงวดแรก 1 กุมภาพันธ์ 2565
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐล่าสุด เช็คเงินเข้า 1 ม.ค. 65
- สมัครคนละครึ่งเฟส 4 เริ่ม 1 กุมภาพันธ์ 2565 คนละครึ่ง.com
28 มกราคม 2565 – เพจกรมบัญชีกลาง เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับกำหนดการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคน) ของเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เมษายน 2565 โดย นางสาววารี แว่นแก้ว รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 โดยเห็นชอบโครงการ ดังต่อไปนี้
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และ
- โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4
โดยโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 จะช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 จำนวนไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2565 นั้น กรมบัญชีกลางจึงขอชี้แจงเกี่ยวกับการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน 2565 ดังนี้
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยแบ่งจ่ายตาม กำหนดการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในแต่ละเดือน ดังนี้
ทุกวันที่ 1 ของเดือน
- วงเงินซื้อสินค้า 400/500 บาทต่อเดือน (เป็นวงเงินเดิม 200/300 บาท และวงเงินจากโครงการเพิ่มกำลังซื้อ 200 บาท)
- ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อ 3 เดือน
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน ค่าโดยสารรถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) และ ขสมก. 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)
หมายเหตุ: สิทธิประโยชน์ข้างต้นที่ได้รับทุกวันที่ 1 ของเดือนจะไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไปได้
ทุกวันที่ 18 ของเดือน
- เงินคืนค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
- เงินคืนค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)
หมายเหตุ: สิทธิประโยชน์ข้างต้นที่ได้รับทุกวันที่ 18 ของเดือนสามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสามารถสะสมในเดือนถัดไปได้
ทุกวันที่ 22 ของเดือน
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ)
หมายเหตุ: สิทธิประโยชน์ข้างต้นที่ได้รับทุกวันที่ 22 ของเดือนสามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสามารถสะสมในเดือนถัดไปได้
โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 หวังช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากโควิด
“สำหรับโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจาก การแพร่ระบาดของ COVID-19 แก่กลุ่มที่มีความเปราะบางทางด้านรายได้ ทรัพย์สิน และหนี้สิน และผู้ต้องการความช่วยเหลือ ตลอดจนรักษาแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2565 ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 022706400 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว
บุคคล 3 กลุ่มที่เปิดให้ลงทะเบียน ‘บัตรคนจน’ ได้
- ผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาก่อน
- กลุ่มตกหล่นจากมาตรการของรัฐที่ผ่านมาที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
- ผู้ที่ได้รับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดิม 13.65 ล้านคน ก็ต้องลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่อีกครั้ง
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงทะเบียนสมัครบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- เป็นผู้มีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป
- ว่างงานหรือมีรายได้ส่วนตัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
- ไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน เช่น เงินฝากธนาคาร สลากออมสิน สลาก ธ.ก.ส. พันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ หรือมีทรัพย์สินดังกล่าวแต่มูลค่ารวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- ต้องนำรายได้ต่อครัวเรือนมาประกอบการพิจารณาด้วย
ขั้นตอนการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ไปธนาคารที่สะดวก ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และ ธ.ก.ส.
- แสดงบัตรประชาชน
- กรอกแบบฟอร์มแจ้งข้อมูลส่วนตัว รายได้ ทรัพย์สิน และหนี้สินของตน
- เก็บหลักฐานไว้เพื่อยืนยันการลงทะเบียน