‘คลัง’ จ่อตั้ง กองทุนลดหย่อนภาษี TESG (Thai ESG Fund – กองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน) ถืออย่างต่ำ 8 ปี สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 30% ของรายได้ ลดหย่อนภาษีสูงสุด 1 แสนบาท ตั้งใจเปิดให้ลงทุนได้ทันภายในธันวาคม 2566 นี้เลย
- โครงการ E-Refund สำหรับคนที่ไม่ได้สิทธิ เงินดิจิทัล 10,000 บาท
- คุณสมบัติ ผู้มีสิทธิรับ เงินดิจิทัล 1 หมื่น ต้องเงินเดือนไม่เกิน 7 หมื่น
15 พฤศจิกายน 2566 – นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ว่า จากการหารือร่วมกันได้ข้อสรุปการหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thailand ESG Fund (TESG) ซึ่งเป็นกองทุนใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกิดการออมเงินในระยะยาว โดยมุ่งเป้าไปที่การลงทุนในธุรกิจที่เป็น ESG และจะรวมไปถึงตราสารหนี้ด้วย ซึ่งจะทำให้มีความหลายหลายมากขึ้น
เปิดเงื่อนไข กองทุนลดหย่อนภาษี TESG
- ถือครองขั้นต่ำ 8 ปีเต็ม (ไม่ใช่ 8 ปีปฏิทิน)
- จำกัดเพดานสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้ ใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท โดยไม่รวมเพดานสิทธิลดหย่อนการออมเพื่อเกษียณ 500,000 บาท ที่มีอยู่เดิมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน RMF กองทุน SSF ประกันชีวิตแบบบำนาญ ฯลฯ
- เปิดให้ลงทุนได้ภายในเดือนธันวาคม 2566 เพื่อให้ใช้สิทธิลดหย่อนของปีภาษี 2566 ได้เลย
ข้อสังเกต: ESG Fund ลักษณะการลงทุนระยะยาวคล้ายกับกองทุน LTF (กองทุนรวมหุ้นระยะยาว) ในอดีตแต่ไม่ใช่การจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนพยุงหุ้น แต่จะเน้นการเข้าลงทุนในหุ้นของกิจการที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน
เตรียมเสนอกองทุนลดหย่อนภาษี TESG เข้า ครม. สัปดาห์หน้า คาดระดมทุนได้หมื่นล้านบาท
ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างจำกัด คาดว่ากองทุนนี้จะมีเม็ดเงินเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งย้ำว่าการเป็นบริษัท ESG ไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่บริษัทขนาดเล็กก็สามารถเป็นบริษัท ESG ที่ดีได้เช่นกัน
ปัจจุบัน บริษัทในตลาดที่เกี่ยวกับ ESG มีอยู่ประมาณ 210 บริษัท จากทั้งหมด 800 บริษัท เชื่อว่า จะมีจำนวนมากพอสำหรับการลงทุน และเชื่อว่าถ้ามีกองทุนนี้ จะมีบริษัทที่ทำตัวเองให้เป็น ESG มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะตอบโจทย์เทรนและกติกาของโลกในการเป็นกรีน
“กระทรวงคลังต้องทำเรื่องนี้ให้เสร็จภายในวันศุกร์นี้ เพื่อนำเสนอเข้าครม.ในสัปดาห์หน้า เพื่ออนุมัติออกเป็นกฎกระทรวง จากนั้นจากนั้นจะขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการออกหลักเกณฑ์ เพื่อให้เริ่มใช้ได้ภายใน 2567”
FETCO เห็นด้วย กองทุนลดหย่อนภาษี TESG ส่งเสริมบริษัทไทยใส่ใจเรื่อง ESG อย่างจริงจัง
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า เราเห็นเทรนด์ ESG ของโลกมีความสำคัญอย่างยิ่ง ขณะที่ประเทศไทยเข้าไปเป็นภาคีเครือข่ายในข้อตกลงต่างๆ เราจึงมีความต้องการเห็นบริษัทไทยได้รับการส่งเสริมในเรื่องนี้
ทั้งนี้ เชื่อว่า การที่รัฐบาลใส่ใจในเรื่องนี้ จะทำให้บริษัทไทยยกระดับขึ้นมา และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นก้าวที่สำคัญของรัฐบาลไทย และบอกต่อโลกได้ว่าไทยใส่ใจในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นการทำอย่างรวดเร็วมาก เพราะปลายปีนี้ก็สามารถลงทุนได้แล้ว ซึ่ง FETCO ต้องของขอบคุณกระทรวงการคลัง และรัฐบาลอย่างมาก
“กองทุนอื่นให้ลงทุนในต่างประเทศได้ แต่กองนี้เราจำกัดให้ลงทุนในเพียงในประเทศ เพื่อต้องการส่งเสริมบริษัทไทยใส่ใจเรื่อง ESG อย่างจริงจัง โดยคาดว่า จะมีสภาพคล่องเข้ามาในระบบ ปีแรก 1 หมื่นล้านบาท หลังจากนั้นมั่นใจว่า ในอนาคตจะมีบริษัท ESG เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการส่งสัญญาณในปีนี้ดีกับประเทศมากขึ้น” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว
‘สรรพากร’ เผยกองทุนลดหย่อนภาษี TESG ทำรัฐสูญเสียรายได้แสนล้านบาท แต่พร้อมสนับสนุนเทรนด์โลก
นางสาว กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า การให้สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน TESG จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณปีละ 1 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับตอนให้สิทธิลดหย่อนกองทุน LTF แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ไทยได้อยู่ในเทรนด์ของโลก กรมสรรพากรก็พร้อมสนับสนุน
ยังทบทวนกองทุนลดหย่อนภาษี SSF ควรไปต่อหรือพอแค่นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการหารือร่วมกันถึงแนวทาง หารือเกี่ยวกับการทบทวนเงื่อนไขของกองทุนเพื่อการออม (SSF) ที่จะครบอายุในปี 2567 ว่าเห็นควรให้มีการต่ออายุหรือไม่ ซึ่งจะมีการขอให้ปรับระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุนให้ต่ำกว่า 10 ปี เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจลงทุนง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คงต้องรอดูทิศทางของกองทุน ESG ว่ามีความสำเร็จมากน้อยเพียงใดก่อน ค่อยมาพิจารณาเรื่องการปรับเงื่อนไข SSF ในปีหน้าอีกครั้ง รวมทั้งมาตรการการกำกับดูแลตลาดทุนให้มีความเข็มงวดมากขึ้น