ระบบโอนเงินพร้อมบิส (PromptBiz) โดย ธปท. คือ ระบบการชำระเงินคล้ายพร้อมเพย์ (PromptPay) แต่ออกแบบมาเพื่อรองรับการชำระเงินสำหรับภาคธุรกิจโดยเฉพาะ โดยสามารถเชื่อมโยงกับระบบภาษีต่างๆ เช่น e-Tax Invoice ของกรมสรรพากรได้ด้วย
- ภาษีแม่ค้าออนไลน์ ขายของออนไลน์เสียภาษีอย่างไร?
- ประกาศลดภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง 15% สำหรับปี 2566
ระบบโอนเงิน PromptBiz “พร้อมบิส” คืออะไร?
ระบบโอนเงินพร้อมบิส (PromptBiz) เป็นระบบการชำระเงินภาคธุรกิจโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คล้ายระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) แต่มีวัตถุประสงค์สำหรับภาคธุรกิจโดยเฉพาะ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการโอนเงินให้แก่ภาคธุรกิจ ช่วยลดต้นทุน และลดข้อจำกัดต่างๆ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการเฟสแรกได้ในเดือนเมษายน 2566
จุดเด่นของระบบ PromptBiz
ระบบพร้อมบิสสามารถให้ข้อมูลอื่นๆ นอกเหนือจากข้อมูลการชำระเงินได้ ช่วยลดข้อจำกัดต่างๆ ในระบบชำระเงินระหว่างธนาคาร ทำให้ลดการใช้เอกสารทางการค้า เอกสารการชำระเงิน ที่ยังเป็นเอกสารกระดาษซึ่งมีต้นทุนสูง มีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้ง่าย
ระบบพร้อมบิสจึงออกแบบมาเพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงระบบการค้า การชำระเงิน และการชำระภาษีเข้าไว้ด้วยกันได้ด้วย
กรมสรรพากรพร้อมนำระบบ e-Tax Invoice เชื่อมกับระบบพร้อมบิสเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการภาษีให้ภาคธุรกิจ
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ระบบพร้อมบิสของ ธปท. นอกจากจะเปลี่ยมโฉมการชำระเงินของภาคธุรกิจแล้ว ยังจะเปลี่ยนโฉมการชำระภาษีในภาคธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญของกรมสรรพากรอีกด้วย โดยทางกรมสรรพากรมีแผนที่จะนำระบบ e-Tax Invoice เข้าไปเชื่อมกับระบบพร้อมบิสซึ่งได้หารือกับ ธปท.เรียบร้อยแล้ว
ระบบการชำระเงินพร้อมบิสเป็นระบบการชำระเงินที่ใหญ่มาก เพราะจะมีข้อมูลตั้งแต่คำสั่งซื้อ คำสั่งขาย และ ส่งข้อมูลกันแบบเรียลไทม์ ภาคธุรกิจที่เข้าระบบดังกล่าว จะมีต้นทุนการชำระเงินที่ถูกลง เมื่อนำระบบชำระเงิน e-Tax Invoice เข้าไปเชื่อมแล้ว จะทำให้กรมสรรพากรสามารถรู้ถึงข้อมูลของภาคธุรกิจนำไปสู่การชำระภาษีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งภาคธุรกิจจะได้รับประโยชน์ที่สำคัญคือลดข้อพิพาทและความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้
ระบบพร้อมบิสลดปัญหาการคืนเงินภาษีให้ภาคธุรกิจได้อย่างไร?
อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า เมื่อการเชื่อมข้อมูลคำสั่งซื้อ คำสั่งขาย และ ส่งข้อมูลกันแบบเรียลไทม์ของภาคธุรกิจเข้ากับระบบ e-Tax Invoice ได้ จะช่วยลดความผิดพลาดในการเสียภาษีได้ และลดข้อพิพาทกับกรมสรรพากรในประเด็นที่ต้องเสียเบี้บปรับเงินเพิ่มต่างๆ ได้
ช่วยลดเวลาพิจารณาคืนภาษีจาก 6 เดือน เหลือ 7 วันได้ เพราะใช้ระบบตรวจแทนการใช้เจ้าหน้าที่
นายลวรณ เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจที่เข้าสู่ระบบการชำระภาษี e-Tax Invoice ผ่านระบบการชำระเงินพร้อมบิสการคืนภาษีจะไม่ตรวจด้วยเจ้าหน้าที่สรรพากร แต่ระบบจะตรวจสอบให้ ทำให้การคืนภาษีเร็วมาก ต่อไปกรมสรรพากรจะพิจารณาคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ภายในเวลาไม่เกิน 7 วัน จากปัจจุบันกว่า 6 เดือน
ปัจจุบัน ภาคธุรกิจที่ใช้ระบบ e-Tax Invoice มีจำนวนน้อยมาก จากนิติบุคคลราว 500,000 ราย มีนิติบุคคลที่ใช้ระบบ e-Tax Invoice ราว 10% เท่านั้น โดยสำรวจพบสาเหตุว่าการเข้าระบบ e-Tax Invoice เป็นเรื่องยาก มีต้นทุนสูง อีกทั้งภาคธุรกิจยังต้องลงทุนระบบซอฟแวร์ทางบัญชีต่างๆ ทางด้านกรมสรรพากรก็พบปัญหา เช่น การตรวจหน้าบ้านในระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่หลังบ้านกลับใช้ระบบกระดาษ ดังนั้น ภาคธุรกิจจึงไม่อยากเข้าระบบดังกล่าว เนื่องจากจะต้องทำทั้งสองระบบ ดังนั้น นี่คือปัญหาที่กรมสรรพากรต้องเข้าไปแก้ไข
มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อขึ้นระบบพร้อมบิส
กรมสรรพากร
ขยายระยะเวลามาตรการสนับสนุนทางภาษีถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
- ลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบ สำหรับ e-Tax Invoice และ e-Withholding Tax (e-WHT)
- ลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับ e-WHT เหลือ 1%
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
- สนับสนุนค่า software 50,000-200,000 บาท ผ่านโครงการ BDS
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)
- สนับสนุนค่า software สูงสุด 10,000 บาท ผ่านโครงการ depa mini Transformation Voucher