ไทยสั่งซื้อ วัคซีนจอห์นสัน แล้ว 25 ล้านโดส เตรียมนำเข้าวัคซีนเพื่อเร่งฉีดให้ประชาชนครบตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส รัฐบาลยังมั่นใจประสิทธิภาพของจุดให้บริการฉีดวัคซีน
สธ. เตรียมซื้อวัคซีน ไฟเซอร์-จอห์นสันฯ 25 ล้านโดส
‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ ลงทะเบียนรับ E-voucher สูงสุด 7,000 บาท
‘ประกันสังคม’ ฉีดวัคซีนโควิด ผู้ประกันตน ม.33 เริ่ม มิ.ย. 64
วันนี้ (7 มิถุนายน 2564) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตรวจตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 (โควต้าสำนักงานประกันสังคม) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยภายหลังตรวจเยี่ยมได้เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเร่งฉัดวัคซีนให้กับประชาชนตามความเหมาะสมและทั่วถึงให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (ลูกจ้างในระบบประกันสังคม) รวมถึงพื้นที่ที่เกิดคลัสเตอร์การแพร่ระบาด และจะฉีดวัคซีนให้ผู้ที่ทำหน้าที่หรือบุคลากรที่จำเป็น เช่น ครู และอาชีพอื่นๆ ที่ต้องให้บริการสาธารณะและประชาชนทั่วไป
สั่งซื้อ ‘วัคซีนจอห์นสัน’ เพิ่มเติมอีก 25 ล้านโดส มั่นใจครบ 100 ล้านโดสทันปีนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่าในเดือนมิถุนายน 2564 นี้จะมีวัคซีนทยอยเข้ามาอีกราว 3.5 – 4 ล้านโดส ส่วนการจัดหาวัคซีนซิโนแวคและแอสตราเซเนกา ก็จะพยายามดำเนินการให้เป็นไปตามแผน นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ทำสัญญาสั่งซื้อ ‘วัคซีนจอห์นสัน’ (วัคซีน Janssen ผลิตโดยบริษัท Johnson & Johnson และได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินแล้ว) อีก 25 ล้านโดส และจะวัคซีนซิโนแวคเข้ามาเพิ่มอีก 8 ล้านโดส เมื่อรวมทั้งหมดแล้วจะได้วัคซีนครบจำนวน 100 ล้านโดสภายในปีนี้ตามแผนของรัฐบาล ส่วนรายละเอียดการส่งมอบนั้นจะต้องตกลงกับบริษัทผู้ผลิตอีกครั้งว่าจะส่งมอบวัคซีนช่วงใดและจำนวนเท่าไหร่
ส่วนการกระจายวัคซีนนั้น นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รัฐบาลจะพิจารณาไปยังทุกพื้นที่ โดยพิจารณาจากข้อมูล สถานการณ์ความจำเป็นและปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ในแต่ละเดือน โดยย้ำว่ายังมั่นใจในประสิทธิภาพของจุดให้บริการฉีดวัคซีน ทั้งในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัด โดยให้ข้อมูลว่าบางแห่งสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ระดับหลักหมื่นโดสต่อวัน
ขอประชาชนมั่นใจรัฐบาล อย่าเชื่อข้อมูลบิดเบือน
พลเอกประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลและยืนยันว่าวัคซีนที่นำเข้ามาในประเทศนั้น รัฐบาลเป็นผู้บริหารจัดการทั้งหมด ขออย่านำข้อมูลไปบิดเบือนให้เกิดความสับสน หากทุกภาคส่วนร่วมมือกับรัฐบาล ประเทศไทยจะฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ย้ำหน้าที่สำคัญของทุกคนขณะนี้คือ ป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนการบริหารสถานการณ์เรื่องของวัคซีนและการดูแลผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นหน้าที่ของรัฐบาลเอง