เบี้ยผู้สูงอายุ 2566 มีการปรับเกณฑ์ใหม่ เริ่มมีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่ 12 สิงหาคม 2566 อัตราเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566 เริ่มต้นเดือนละ 600 – 1,000 บาท โดยเกณฑ์ใหม่กำหนดคุณสมบัติว่าผู้สูงอายุต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด ดังนั้น สำหรับผู้ที่กำลังจะอายุครบ 60 ปี หากมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ จะขาดคุณสมบัติไม่สามารถรับเบี้ยผู้สูงอายุได้ ไม่ได้จ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุทุกคนถ้วนหน้าอีกต่อไป
11 สิงหาคม 2566 – เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 โดยปรับเกณฑ์ใหม่สำหรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ มีรายละเอียดดังนี้
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับ เบี้ยผู้สูงอายุ 2566 (เกณฑ์ใหม่)
- มีสัญชาติไทย
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ยืนยันสิทธิขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- เป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้สูงอายุที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้บังคับใช้ กฎหมายยังอนุญาตให้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นต่อไป
อัตราเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566
- ผู้สูงอายุ อายุ 60-69 ปี จะได้รับ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 600 บาท
- ผู้สูงอายุ อายุ 70-79 ปี จะได้รับ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 700 บาท
- ผู้สูงอายุอายุ 80-89 ปี จะได้รับ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 800 บาท
- ผู้สูงอายุ อายุ 90 ปีขึ้นไป จะได้รับ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 1,000 บาท
โดยผู้สูงอายุจะได้รับโอนเงินทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน ทั้งนี้ หากวันที่ 10 ของเดือนนั้นตรงกับวันหยุดราชการจะจ่ายให้ในวันทำการก่อนวันหยุดนั้นๆ
เหตุที่ทำให้หยุดจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ
สิทธิของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะสิ้นสุดลงในกรณีต่อไปนี้
- ตาย
- ขาดคุณสมบัติ
- แจ้งสละสิทธิการขอรับเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นหนังสือต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ตนมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ กรณีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุดังกล่าวสิ้นสุดลง ให้ผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนสั่งระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สำหรับบุคคลดังกล่าว
นอกจากนี้ หากผู้สูงอายุที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยความสุจริต ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนรายงานผู้บริหารท้องถิ่นทราบ เพื่อระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไป โดยให้ยกเว้นการเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน