เทคนิคเลือกกองทุน LTF/RMF

ลดหย่อนภาษี

ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นที่จะเลือก กองทุน LTF/RMF เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ ว่ากองทุนทั้ง 2 กองทุนนี้ มีเป้าหมายไว้เพื่อการลงทุนและการสะสมความมั่งคั่งในระยะยาวทั้งคู่ ส่วนการลดหย่อนภาษีนั้นเป็นแค่เรื่องรองเท่านั้นนะครับ อย่าได้เข้าใจผิด แน่นอนว่าถ้าเราตั้งเป้าหมายผิด เราอาจจะลงทุนผิดพลาด และได้ผลประโยชน์ไม่เต็มที่

คนส่วนใหญ่จะสนใจลดหย่อนภาษีจนไม่ได้ดูถึงการเลือกกองทุนที่ดีในระยะยาว ก็จะทำให้เราพลาดผลตอบแทนแบบ 2 ต่อไป คือแทนที่จะได้ ผลตอบแทนจากการลงทุน + เงินเหลือจากการลดหย่อนภาษี ก็กลายเป็นขาดทุนเงินลงทุน และลามไปถึงขาดทุนเงินที่ลดหย่อนภาษี เช่น สมมติว่าประหยัดภาษี 10% แต่ต้องมาขาดทุนเงินต้นจากการลงทุนในกองทุน LTF/RMF 15% ก็คงไม่คุ้มค่าเป็นแน่ครับ !!

    โดยถ้าหากเรามีเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวประมาณ 7-8 ปี แต่ไม่ได้ต้องการลงทุนเพื่อเกษียณ การลงทุนใน LTF อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่าในการเลือกลงทุนครับ แต่ก็ต้องระวังเรื่องของความเสี่ยง เพราะว่ากองทุน LTF นั้นเป็นกองทุนหุ้นนะครับ

    แต่ถ้าเราคิดว่าเราอยากสะสมเงินเกษียณเพิ่มเติมนอกจากเงินสะสมจากการทำงาน เช่นประกันสังคม หรือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(ถ้ามี) หรือ กบข. (ถ้ามี) ซึ่งสะสมแค่ 2 อย่างนี้คงไม่พอ ดังนั้นการลงทุนใน RMF เพิ่มเติมก็เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ครับ

    ดังนั้น ถ้าหากเราสามารถวางแผนการลงทุนได้ชัดเจนและถูกต้องตามเป้าหมาย และใช้การลดหย่อนภาษีเป็นตัวเสริมสิทธิประโยชน์ไปด้วยกัน ผมเชื่อครับว่า การลงทุนของเราจะถูกต้องและประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเลยครับ


หลักการเลือกกองทุน LTF/RMF

คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าการเลือกกองทุนที่ดีต้องคำนึงถึงอะไรกันบ้าง เพื่อที่จะได้กองทุนที่ถูกใจ และถูกกองทุนด้วย

1. หากองทุนผลตอบแทนดีสม่ำเสมอที่เราพอใจ

แน่นอนว่า ผลตอบแทนของกองทุนนั้น เป็นเรื่องสำคัญ เพราะอย่างที่ผมได้บอกมาก่อนหน้านี้ว่า ถ้าเราได้ผลประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีมา แต่มาขาดทุนผลตอบแทนก็คงไม่คุ้มค่าเป็นแน่ครับ ดังนั้น เราเองก็ต้องพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนด้วยนะครับ โดยเราควรจะพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลัง 3-5 ปี เป็นหลัก ถึงแม้ผลตอบแทนย้อนหลังจะไม่ได้ยืนยันผลตอบแทนในอนาคต แต่ก็พอจะตอบได้บ้างว่า กองทุนที่ผลตอบแทนย้อนหลังที่ดีในระยะยาว ๆ จะมีแนวโน้มที่จะทำผลตอบแทนที่สม่ำเสมอต่อเนื่องครับ

2. ลงทุนในความเสี่ยงที่เรารับได้

ความเสี่ยง เป็นของคู่กันกับผลตอบแทน แต่เราไม่ค่อยจะพิจารณามันเสียเท่าไหร่ ซึ่งในความเป็นจริง เราอาจจะต้องนึกถึงเรื่องนี้ก่อนข้อแรกเสียด้วยซ้ำครับ เพราะว่าบางคนไม่ทราบว่าการลงทุนในกองทุน LTF นั้นมีความผันผวนมากพอสมควร เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้นครับ

ซึ่งถ้าใครรับความเสี่ยงไม่ได้ละก็ ไปลงทุนกับกองทุน RMF ที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ หรือ RMF ที่เป็นกองทุนผสมระหว่างตราสารหนี้ กับ หุ้น จะดีกว่าครับ แต่ถ้าใครที่รับความเสี่ยงได้ผมก็แนะนำว่าควรลงทุนทั้ง LTF และ RMF เพื่อความมั่งคั่งในอนาคต

    โดย RMF นั้นเราก็เลือกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย หรือจะผสมหุ้นต่างประเทศ หรือ จะลงทุนในอสังหาฯ ก็ได้ โดยอาจจะมีทองคำผสมเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยประมาณ 5-10% ของเงินลงทุนทั้งหมด ก็น่าจะเหมาะจะเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณครับ

    หรือ เราอาจจะใช้กลยุทธ์ หรือ วิธีการลงทุนแบบต่าง ๆ ที่จะช่วยลดความผันผวนได้ เช่น เราอาจจะจัดพอร์ต/จัดสัดส่วนในการลงทุน โดยจัดสรรเงินตามความเสี่ยงที่เรารับได้

    หรือจะทยอยลงทุนทุกเดือน ก็สามารถลดความผันผวน ได้เช่นกันครับ

3. สไตล์การลงทุน หรือ แนวทางการจัดการกองทุนของแต่ละ บลจ.

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอีกประการที่คนมักจะมองข้าม และไม่รู้ว่าแต่ละ บลจ. นั้นจะมี นโยบายการลงทุน การจัดการความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกันเลย มีหลากหลายสไตล์

    ซึ่งเราเองก็ต้องเลือกให้เหมาะกับนิสัย หรือ ความชอบของนักลงทุนด้วย เพราะว่าจะทำให้เราลงทุนกับกองทุนแล้วสบายใจ เวลาลงทุนไปแล้วจะได้ไม่เครียด นอนหลับได้สบายใจมากขึ้น โดยไม่ต้องไปทะเลาะกับผู้จัดการกองทุนภายหลังว่าทำไม ไม่ขายตัวนั้น ตัวนี้ หรือ ซื้อหุ้นตัวนั้นที่กำลังขึ้นสิ

    นักลงทุนที่ชอบความหวือหวา ก็อาจจะเลือกกองทุนที่เน้นเทคนิค ซื้อมา-ขายไปอย่างรวดเร็ว หรือ บางคนอาจจะชอบกองทุนที่เลือกหุ้นสไตล์พื้นฐานดี ถือกันไปนาน ๆ หรือ บางคนอาจจะชอบกองทุนที่มีการจัดการกองทุนที่เป็นระบบ โปร่งใส ทำให้มีความเสี่ยงต่ำ ก็สามารถเลือกกันได้ตามใจเลยครับ

4. สุดท้ายคือ ค่าธรรมเนียม ต้องสมเหตุสมผล

ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องพิจารณานั้นก็เพราะว่า ค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งสำคัญครับ ยิ่งลงทุนนาน ๆ ค่าธรรมเนียมที่เก็บระหว่างการลงทุนทุก ๆ วัน ที่หักจากหน่วยลงทุนก็ยิ่งมีผลทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนที่น้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ตลาดหุ้นเป็นขาลงครับ ดังนั้นค่าธรรมเนียมจึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนเองก็คงต้องพิจารณาเป็นพิเศษ แต่ว่าค่าธรรมเนียมถูกแล้วบริหารไม่ดี ก็ไม่ควรเลือกกองทุนแบบนั้นนะครับ


สรุป

สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่าถ้าเราเลือกกองทุน LTF/RMF ตามที่ผมบอกมาแล้วละก็รับรองได้ว่าซื้อ LTF/RMF ทีไรย่อมได้กองทุนที่ถูกใจ ไม่เสียประโยชน์ทางภาษีแน่ ๆ และถ้าได้กองทุน LTF/RMF ที่ดีแล้ว ลดหย่อนภาษีแล้ว เชื่อว่าก็ย่อมมีเงินเหลือ หรือ เงินเริ่มงอกเงยมากขึ้น แต่ก็ให้นึกไว้เสมอว่าอย่าเอาเงินที่ได้มานั้นนำไปใช้จนหมดไม่มีเหลือ โดยเฉพาะ LTF ที่มีระยะการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีที่สั้นกว่า RMF นะคร้าบ


#ยาวไปไม่อ่าน

  • ซื้อ LTF/RMF ทั้งที ได้ลดภาษีแล้ว ต้องได้ผลตอบแทนที่ดีด้วย
  • เลือก RMF ก่อน หากต้องการวางแผนเกษียณ เมื่อได้ลงทุน ตามแผนเกษียณครบตามเป้าหมาย ค่อยเสี่ยงกับกองทุน LTF ที่มีสัดส่วนของหุ้นสูง
  • หากองทุนผลตอบแทนดีสม่ำเสมอที่เราพอใจ (ผลตอบแทนต้องสม่ำเสมอ 3-5 ปี)
  • ลงทุนในความเสี่ยงที่เรารับได้ เพราะว่าการลงทุนในกองทุนต้องใช้เวลานาน ถ้าผันผวนเกินกว่าที่จะรับได้ การขายกองทุนออกไปก่อน อาจจะทำให้พลาดผลตอบแทนที่ดี
  • เข้าใจสไตล์การลงทุน หรือ แนวทางการจัดการกองทุนของแต่ละ บลจ. เพราะว่าการเข้าใจสิ่งที่ลงทุนอยู่ จะทำให้นักลงทุนเองมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น จะทำความเสี่ยงลดลงไปได้เยอะมาก
  • สุดท้ายคือ ค่าธรรมเนียม ต้องสมเหตุสมผล คืออาจจะเลือกกองทุนที่ค่าธรรมเนียมแพงได้ แต่ต้องให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า เนื่องจากค่าธรรมเนียม ในการบริหารกองทุนนั้น จะถูกเก็บในราคาหน่วยลงทุนทุกวัน ถ้าหากลงทุนระยะยาว จะมีผลต่อผลตอบแทนโดยรวมได้
app icon
iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
star star star star star
(100K+)