ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ลดเงินสมทบกองทุนประกันสังคม เหลือ 2.5% ให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ตั้งแต่ มิถุนายน ถึง สิงหาคม 2564 รวมเป็นเวลา 3 เดือน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ หลังบอร์ดประกันสังคมมีมติเห็นชอบชงให้ ครม. พิจารณา รอประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายเร็วๆ นี้
เช็กวันโอนเราชนะ ม33เรารักกัน เงินเยียวยา 2,000 บาท
จองคิวฉีดวัคซีนโควิด ประชาชนทั่วไป เริ่ม 31 พ.ค. ผ่าน ‘หมอพร้อม’
ครม. เห็นชอบ ลดเงินสมทบกองทุนประกันสังคม 2.5% นาน 3 เดือน
วันนี้ (18 พ.ค. 2564) ครม. มีมติเห็นชอบให้ลดจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมจากเดิม 5% ให้เหลือ 2.5% เป็นการชั่วคราว หลังจากที่ คณะกรรมการประกันสังคมได้เสนอมาตรการลดอัตราเงินสมทบประกันสังคม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้างและผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19
มติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. … ส่งผลให้ลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเป็นเวลา 3 เดือนในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2564 โดย นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะจ่ายเงินสมทบรายเดือนฝ่ายละ 2.5% ของค่าจ้างผู้ประกันตน (จากเดิม จากเดิมฝ่ายละ 5%) สูงสุดเหลืออัตราเดือนละ 375 บาท ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 เหลืออัตราเดือนละ 216 บาท
นายจ้าง-ลูกจ้าง ลดจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคม เหลือเดือนละ 375 บาท ช่วง มิ.ย. – ส.ค. 2564
ทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง (ผู้ประกันตนตามมาตรา 33) จะจ่ายเงินสมทบฝ่ายละ 2.5% ของค่าจ้างผู้ประกันตน (จากเดิมฝ่ายละ 5%) ทำให้เงินสมทบประกันสังคมที่เคยถูกหักสูงสุดเดือนละ 750 บาท จะลดลงเป็นหักเดือนละ 375 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่งวดค่าจ้างเดือน มิถุนายน – สิงหาคม 2564
ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 ให้เงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราเดือนละ 216 บาท จากเดิม 432 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน มิถุนายน – สิงหาคม 2564 เช่นกัน
ลดจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ครั้งที่สองของปี 2564 จำเป็นเพราะโควิด-19
การลดอัตราเงินสมทบประกันสังคมครั้งนี้ จะกลายเป็นการลดครั้งที่สองของปี 2564 หลังจากที่เคยประกาศกฎกระทรวงลดอัตราเงินสมทบประกันสังคมมาครั้งหนึ่งแล้วเหลือ 0.5% สำหรับค่าจ้างในงวดมกราคม – มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า การลดเงินสมทบเหลือ 2.5% ในครั้งนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อนายจ้างและผู้ประกันตน นายจ้าง จำนวน 485,113 ราย ผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 11,164,384 คน และผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1,832,500 คน ที่จะสามารถนำเงินสมทบที่ลดลงนั้นไปใช้จ่ายเพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 20,163 ล้านบาท ซึ่งจะลดปัญหาทางการเงินของนายจ้างและผู้ประกันตน ส่งผลให้คุณภาพชีวิตผู้ประกันตนดีขึ้น รวมถึงเป็นการรักษาระดับการจ้างงานของนายจ้างได้อีกด้วย