ลงทะเบียนรับสิทธิบัตรประชารัฐ รับสิทธิค่าน้ำ-ค่าไฟฟรี “บัตรคนจน” รับสิทธิใช้น้ำประปา-ไฟฟ้าฟรี ขยายเวลาเพิ่มอีก 7 เดือน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 ที่เห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) โดยจะเริ่มรับสิทธิได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 – เมษายน 2566 รวมระยะเวลา 7 ปี ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรคนจนที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิสามารถ ลงทะเบียนลดค่าไฟ 2565 ผ่านเว็บไซต์ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือเข้าไปติดต่อหน่วยงานของการไฟฟ้าโดยตรงก็ได้
- ตรวจสอบสิทธิบัตรทอง 30 บาท ผ่านเว็บไซต์ สปสช. และ LINE
- ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 5 รอบเก็บตก (หมดเขต 1 ต.ค. 2565)
ช่องทาง ลงทะเบียนค่าน้ำประปา สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- เว็บไซต์ลงทะเบียนรับสิทธิ์ค่าน้ำประปา การประปานครหลวง (กปน.) >> https://eservicesapp.mwa.co.th/welfareregist
- เว็บไซต์ลงทะเบียนรับสิทธิ์ค่าน้ำประปา การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) >> https://payment.pwa.co.th/welfare-register
ช่องทาง ‘ลงทะเบียนค่าไฟ’ รับสิทธิประโยชน์ใช้ไฟฟ้าฟรี 7 เดือน
- เว็บไซต์การการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) >> ลงทะเบียนค่าไฟ www.mea.or.th
- เว็บไซต์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) >> ลงทะเบียนค่าไฟ www.pea.co.th
- ติดต่อหน่วยงานของการไฟฟ้าโดยตรง
ช่วงเวลารับสิทธิประโยชน์ใช้ไฟฟ้าฟรี
- ค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม 2565 – เมษายน 2566 (รวมระยะเวลา 7 เดือน)
เงื่อนไข ลงทะเบียนลดค่าไฟ 2565-2566 บัตรประชารัฐ
- ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องเป็นผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับสิทธิ 1 สิทธิต่อครัวเรือนต่อบิลเดือน และต่อหนึ่งหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้าเท่านั้น
- ผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้าประจำเดือน ตามที่ระบุในใบแจ้งค่าไฟฟ้าแต่ไม่เกิน 315 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ต่อครัวเรือนต่อบิลเดือน กรณีที่ค่าไฟฟ้าเกิน 315 บาท(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จะไม่ได้สิทธิจากมาตรการนี้
- ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องชำระเงินค่าไฟฟ้าเต็มจำนวนตามที่ระบุในใบแจ้งค่าไฟฟ้า และกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินคืนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ต่อไป
- ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 50 หน่วยในเดือนใด จะไม่ได้รับสิทธิตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือนนั้น
- ผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และต้องการใช้สิทธิในการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ต้องลงทะเบียนผ่านช่องทางที่กำหนด และให้ข้อมูลถูกต้องครบถ้วน
- เริ่มตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม 2565 – เมษายน 2566
ขั้นตอน ลงทะเบียนลดค่าไฟ 2565-2566 สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ (อยู่ในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวง)
ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด สามารถ ลงทะเบียนรับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บนเว็บไซต์ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ไปที่เว็บไซต์ของการไฟฟ้านครหลวง >> http://meagate1.mea.or.th/welfareregis
- กรอกข้อมูลรหัสเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า (เลขมิเตอร์ไฟฟ้า) ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ (เฉพาะหมายเลข 8 หลัก)
- กรอกบัญชีแสดงสัญญา (เฉพาะหมายเลข 9 หรือ 10 หลัก)
- ชื่อ นามสกุล และที่อยู่จะแสดงตามที่ระบบค้นหาจากรหัสเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า)
- กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ตามที่ระบุในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ และ e-mail ของผู้ลงทะเบียน สามารถเว้นว่างได้
- กดปุ่ม ‘ลงทะเบียน’
ขั้นตอน ลงทะเบียนลดค่าไฟ 2565-2566 สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่นอกกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ (อยู่ในพื้นที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด สามารถลงทะเบียนบนเว็บไซต์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ไปที่เว็บไซต์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค >> https://eservice.pea.co.th/WelfareRegister/
- กด ‘ยอมรับเงื่อนไข’
- กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก
- กรอกเลขบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- กรอกเบอร์โทรศัพท์มือถือ
- กรอกหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า
- กรอกรหัสเครื่องวัดไฟฟ้า
- เลือกบิลประจำเดือน
- กรอกจำนวนเงินค่าไฟฟ้าตามบิลประจำเดือนที่เลือกไว้
- กด ‘ยืนยันข้อมูล’
สรุปมาตรการบรรเทา ค่าไฟฟ้า-ค่าน้ำประปา 2565-2566 ให้ผู้ถือบัตรประชารัฐที่ ลงทะเบียนรับสิทธิบัตรประชารัฐ
มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา มีรายละเอียดดังนี้
บรรเทาค่าไฟฟ้าให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- กรณีใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน ติดต่อกัน 3 เดือน ให้ใช้สิทธิ์ค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน
- กรณีใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย/เดือน ให้ใช้สิทธิ์ตามมาตรการน้ี ในวงเงิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน
- กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กําหนด ผู้มีบัตรฯ เป็นผู้รับภาระ ค่าไฟฟ้าทั้งหมด
บรรเทาค่าน้ำประปาให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- กรณีที่ใช้น้ําประปา ไม่เกิน 315 บาท จะได้เงินสนับสนุน ค่าน้ําประปาในวงเงิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน
- กรณีที่ใช้น้ําประปาเกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ จะเป็นผู้รับภาระในการชําระค่าน้ําประปาท้ังหมด
สิทธิประโยชน์อื่นๆ ของผู้ถือบัตรประชารัฐ 2565
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดภาระค่าครองชีพ เช่น
- ค่าซื้อสินค้า 200-300 บาท
- ค่าเดินทางรถโดยสารสาธารณะ 500 บาท
- ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาท (ต่อรอบ 3 เดือน) กรณีเป็นกลุ่มเปราะบาง จะได้ส่วนลด 100 บาท (ต่อรอบ 3 เดือน)
- เงินช่วยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือน (ตามที่จ่ายจริง)
- เงินช่วยค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือน (ตามที่จ่ายจริง)
- เงินพิเศษผู้พิการ 200 บาท
- ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เป็นพ่อค้า แม่ค้า หาบเร่แผงลอย ร้านค้าขนาดเล็กต่างๆ จะได้ส่วนลดก๊าซหุงต้มพีที (ปตท.) 100 บาท ที่ร้านจำหน่ายที่ร่วมโครงการ
- เงินพิเศษผู้สูงอายุ 50-100 บาท (ขึ้นอยู่กับเกณฑ์รายได้)
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ ลงทะเบียนรับสิทธิบัตรประชารัฐ 2565
- เป็นผู้มีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป
- ไม่เป็นบุคคล ดังต่อไปนี้
- ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
- ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง
- บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ
- ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ
- ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ
- ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
- ว่างงานหรือมีรายได้ส่วนตัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง และหากมีครอบครัว รายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมรายได้ของผู้ลงทะเบียน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว)
- ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ ของผู้ลงทะเบียนต้องมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง และหากมีครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมมูลค่าทรัพย์สินทางการเงินของผู้ลงทะเบียน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว)
- ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือถ้ามีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
- กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา และ/หรือ ห้องชุดต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
- ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่หรือ
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
- กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว
- ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือ
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
- ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีบัตรเครดิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
- ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ ได้แก่ วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และ/หรือ วงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท