สำนักงานประกันสังคมเปิดให้ ลงทะเบียนประกันสังคม ม.40 กลุ่มคนกลางคืน ผ่าน “ระบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนตามมาตรา 40” บนเว็บไซต์ www.sso.go.th สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่เข้าระบบประกันตนภาคสมัครใจ) เช่น กลุ่มคนกลางคืน นักดนตรี ผับบาร์ โดยผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ที่ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบแล้วและได้รับการรับรองจากสมาพันธ์คนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย จะได้สิทธิรับเงินเยียวยาประกันสังคมจำนวน 5,000 บาท เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคำสั่งล็อกดาวน์ของรัฐบาลครั้งนี้ โดยผู้ประกันตน ม.40 จะได้รับเงินเยียวยาโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์
- รายละเอียด เยียวยากลุ่มคนกลางคืน นักดนตรี ผับบาร์ 5,000 บาท
- ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา แท็กซี่ วินมอ’ไซค์ พื้นที่ 29 จว. 5,000 บาท
ช่องทางตรวจสอบสิทธิรับเงินเยียวยาประกันสังคม ม.40
- เว็บไซต์ประกันสังคม >> ตรวจสอบสิทธิเงินเยียวยา มาตรา 40
ช่องทางการสมัคร ลงทะเบียนประกันสังคม ม.40 กลุ่มคนกลางคืน
- สายด่วนประกันสังคม หมายเลข 1506
- ร้าน 7-Eleven ทุกสาขา
- ธนาคาร ธกส. ทุกสาขา
- ห้างสรรพสินค้า Big C
- เว็บไซต์ประกันสังคม ผ่าน “ระบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนตามมาตรา 40” >> www.sso.go.th
สมัครด้วยตนเองที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่UPDATE – งดติดต่อขอสมัครที่สำนักงานประกันสังคมแล้ว เนื่องจากต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด พ.ร.ก. ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 28)
คุณสมบัติผู้ประกันตน ม.40 ที่มีสิทธิรับเงินเยียวยา 5,000 บาท
- เป็นผู้มีสัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 15 – 65 ปีบริบูรณ์
- ไม่ได้เป็นลูกจ้างในบริษัท หรือมีนายจ้าง หรือผู้ประกันตน ม.33
- ไม่ได้เป็นผู้จ่ายประกันสังคมแบบสมัครใจ หรือผู้ประกันตน ม.39
- ไม่ได้เป็นข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- ได้รับการรับรองจากสมาพันธ์คนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย
ลดอัตราส่งเงินสมทบให้ผู้ประกันตน ม.40 เหลือ 60% ตั้งแต่ ส.ค. 2564 – ม.ค. 2565
พระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 ได้ปรับลดอัตราการส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน ม.40 ลงเหลือ 60% เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ถึง 31 มกราคม พ.ศ. 2565 ทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ซึ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ ค้าขาย และสนใจประกันตนภาคสมัครใจ จะมีทางเลือกส่งเงินสมทบได้ 3 ทางเลือก
- ทางเลือกที่ 1 เลือกรับประโยชน์ทดแทน 3 กรณี: อัตราเงินสมทบเหลือเดือนละ 42 บาท (จากเดิม 70 บาท)
- คุ้มครองกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- คุ้มครองกรณีทุพพลภาพ
- คุ้มครองกรณีเสียชีวิต
- ทางเลือกที่ 2 เลือกรับประโยชน์ทดแทน 4 กรณี: อัตราเงินสมทบเหลือเดือนละ 60 บาท (จากเดิม 100 บาท)
- คุ้มครองกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- คุ้มครองกรณีทุพพลภาพ
- คุ้มครองกรณีเสียชีวิต
- คุ้มครองกรณีชราภาพ ได้รับเงินก้อนพร้อมดอกผล
- ทางเลือกที่ 3 เลือกรับประโยชน์ทดแทน 5 กรณี: อัตราเงินสมทบเหลือเดือนละ 180 บาท (จากเดิม 300 บาท)
- คุ้มครองกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- คุ้มครองกรณีทุพพลภาพ
- คุ้มครองกรณีเสียชีวิต
- คุ้มครองกรณีชราภาพ ได้รับเงินก้อนพร้อมดอกผล
- คุ้มครองกรณีสงเคราะห์บุตร ได้รับเงินรายเดือนตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ
หมายเหตุ: ทางเลือกที่ 1 จะได้รับประโยชน์ทดแทนน้อยที่สุด ในขณะที่ทางเลือกที่ 3 จะได้รับประโยชน์ทดแทนมากที่สุด
ยอดเงินประกันสังคมลด แต่ไม่กระทบประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
ก่อนหน้านี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า การปรับลดอัตราการจ่ายเงินสมทบเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะส่งผลให้ผู้ประกันตนนำส่งเงินสมทบลดลง 378 ล้านบาท ส่วนรัฐบาลลดนำส่งเงินสมทบลง 189 ล้านบาท แต่แรงงานนอกระบบมีแนวโน้มที่จะเลือกส่งเงินสมทบแบบสมัครใจเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่มีการลดอัตราการจ่ายเงินสมทบดังกล่าว ซึ่งกระทรวงแรงงานคาดว่าจะมีเงินสมทบลดลงหลังจากการปรับลดอัตราการจ่ายเงินสมทบ 6 เดือน จำนวน 567 ล้านบาท เหลือจำนวน 850.5 ล้านบาท จากจำนวนเดิม 1,417.5 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมจัดสรรเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามอัตราปกติ