ตรวจสอบสถานะโอน “เงินเยียวยาประกันสังคม” คนกลางคืน เริ่มโอนเงินเยีวยาวันแรกตั้งแต่ 29 ธันวาคม 2564 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ผูกบัญชีกับเลขบัตรประชาชนให้ผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ถูกสั่งปิดสถานที่ และสถานประกอบการชั่วคราว เช่น ลูกจ้าง กลุ่มคนทำงานในสถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะและผู้ประกอบอาชีพอิสระ รับเงิน 5,000 บาทต่อคน เป็นระยะเวลา 1 เดือน
- รายละเอียด เยียวยากลุ่มคนกลางคืน นักดนตรี ผับบาร์ 5,000 บาท
- ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา แท็กซี่ วินมอ’ไซค์ พื้นที่ 29 จว. 5,000 บาท
วิธีตรวจสอบสิทธิรับเงินเยียวยาประกันสังคม คนกลางคืน
- ไปที่เว็บไซต์ประกันสังคม >> ตรวจสอบสิทธิเยียวยาผู้ประกันตน ในกิจการสถานบันเทิง
- กดปุ่ม “ตรวจสอบสิทธิโครงการเยียวยาฯ (กิจการสถานบันเทิง)”
- ที่หน้า ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยา ในกิจการสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบ ให้กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และกรอกรหัสให้ตรงกับรูปภาพ 6 หลัก
- กดปุ่ม ‘ตรวจสอบสิทธิ์’
- หากตรวจสอบสถานะขึ้นสีเขียว “ได้รับสิทธิ” จะมีเงินเข้าเยียวยาโอนเข้าพร้อมเพย์งวดที่ 1 แล้ว 5,000 บาท แต่หากสถานะขึ้นสีแดง “ไม่พบข้อมูลของท่านในรอบการโอนเงินที่ 1” ให้รอรับเงินโอนในรอบถัดไป
ช่องทางการสมัคร ลงทะเบียนประกันสังคม ม.40 กลุ่มคนกลางคืน
- สายด่วนประกันสังคม หมายเลข 1506
- ร้าน 7-Eleven ทุกสาขา
- ธนาคาร ธกส. ทุกสาขา
- ห้างสรรพสินค้า Big C
- เว็บไซต์ประกันสังคม ผ่าน “ระบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนตามมาตรา 40” >> www.sso.go.th
คุณสมบัติผู้ประกันตน ม.40 ที่มีสิทธิรับเงินเยียวยา 5,000 บาท
- เป็นผู้มีสัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 15 – 65 ปีบริบูรณ์
- ไม่ได้เป็นลูกจ้างในบริษัท หรือมีนายจ้าง หรือผู้ประกันตน ม.33
- ไม่ได้เป็นผู้จ่ายประกันสังคมแบบสมัครใจ หรือผู้ประกันตน ม.39
- ไม่ได้เป็นข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- ได้รับการรับรองว่าทำงานในสถานบันเทิงนั้นจริงจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมถ์ หรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิง ที่จดทะเบียน กับกระทรวงมหาดไทย หรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ลดอัตราส่งเงินสมทบให้ผู้ประกันตน ม.40 เหลือ 60% ตั้งแต่ ส.ค. 2564 – ม.ค. 2565
พระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 ได้ปรับลดอัตราการส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน ม.40 ลงเหลือ 60% เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ถึง 31 มกราคม พ.ศ. 2565 ทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ซึ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ ค้าขาย และสนใจประกันตนภาคสมัครใจ จะมีทางเลือกส่งเงินสมทบได้ 3 ทางเลือก
- ทางเลือกที่ 1 เลือกรับประโยชน์ทดแทน 3 กรณี: อัตราเงินสมทบเหลือเดือนละ 42 บาท (จากเดิม 70 บาท)
- คุ้มครองกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- คุ้มครองกรณีทุพพลภาพ
- คุ้มครองกรณีเสียชีวิต
- ทางเลือกที่ 2 เลือกรับประโยชน์ทดแทน 4 กรณี: อัตราเงินสมทบเหลือเดือนละ 60 บาท (จากเดิม 100 บาท)
- คุ้มครองกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- คุ้มครองกรณีทุพพลภาพ
- คุ้มครองกรณีเสียชีวิต
- คุ้มครองกรณีชราภาพ ได้รับเงินก้อนพร้อมดอกผล
- ทางเลือกที่ 3 เลือกรับประโยชน์ทดแทน 5 กรณี: อัตราเงินสมทบเหลือเดือนละ 180 บาท (จากเดิม 300 บาท)
- คุ้มครองกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- คุ้มครองกรณีทุพพลภาพ
- คุ้มครองกรณีเสียชีวิต
- คุ้มครองกรณีชราภาพ ได้รับเงินก้อนพร้อมดอกผล
- คุ้มครองกรณีสงเคราะห์บุตร ได้รับเงินรายเดือนตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ
หมายเหตุ: ทางเลือกที่ 1 จะได้รับประโยชน์ทดแทนน้อยที่สุด ในขณะที่ทางเลือกที่ 3 จะได้รับประโยชน์ทดแทนมากที่สุด
ยอดเงินประกันสังคมลด แต่ไม่กระทบประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
ก่อนหน้านี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า การปรับลดอัตราการจ่ายเงินสมทบเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะส่งผลให้ผู้ประกันตนนำส่งเงินสมทบลดลง 378 ล้านบาท ส่วนรัฐบาลลดนำส่งเงินสมทบลง 189 ล้านบาท แต่แรงงานนอกระบบมีแนวโน้มที่จะเลือกส่งเงินสมทบแบบสมัครใจเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่มีการลดอัตราการจ่ายเงินสมทบดังกล่าว ซึ่งกระทรวงแรงงานคาดว่าจะมีเงินสมทบลดลงหลังจากการปรับลดอัตราการจ่ายเงินสมทบ 6 เดือน จำนวน 567 ล้านบาท เหลือจำนวน 850.5 ล้านบาท จากจำนวนเดิม 1,417.5 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมจัดสรรเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามอัตราปกติ