กระทรวงการคลัง ขยายเวลาลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถึง 31 ตุลาคม 2565 สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้ จากเดิมสิ้นสุด 19 ตุลาคม 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2565 ทั้งกลุ่มเปราะบางและกลุ่มบุคคลทั่วไป
- ตรวจสอบสิทธิบัตรทอง 30 บาท ผ่านเว็บไซต์ สปสช. และ LINE
- ปรับอัตราประกันสังคม เหลือ 3% ประกาศเป็นกฎหมายแล้ว
- ลงทะเบียนรับสิทธิบัตรประชารัฐ รับสิทธิค่าน้ำ-ค่าไฟฟรี
ครม.เห็นชอบ ขยายเวลาลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ออกไปอีกถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2565
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2565 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในแนวทางการดำเนินการเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้ ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 เสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
กลุ่มของผู้ลงทะเบียนที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรส
กลุ่มของผู้ลงทะเบียนที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรส แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
-
- ผู้ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป นับถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2565) ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสมาเพื่อดำเนินการหย่าตามกฎหมายได้
- ผู้ลงทะเบียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ผู้ลงทะเบียนที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้
แนวปฏิบัติสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้
ผู้ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง
จะต้องดำเนินการโดยยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียน พร้อมหนังสือประกอบการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ โดยต้องลายมือชื่อของผู้ลงทะเบียน ลายมือชื่อของพยานรับรองจำนวน 2 คน รวมถึงต้องมีการลงนามรับรองจากเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่เป็นผู้รับรองว่า ผู้ลงทะเบียนเป็นบุคคลที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสมาเพื่อดำเนินการหย่าตามกฎหมายได้ และเอกสารประกอบการลงทะเบียนอื่น ๆ (กรณีมีบุตรอายุต่ำกว่า 18 ปี) และผู้ลงทะเบียนจะต้องนำเอกสารทั้งหมดไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน
โดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย รวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองและเทศบาลนครในพื้นที่ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตที่ผู้อำนวยการเขตมอบหมาย เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนท้องถิ่นเมืองพัทยา
ทั้งนี้ หากผู้ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบางผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติซึ่งกระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบต่อไปผู้ลงทะเบียนจะสามารถใช้สิทธิ์ตามโครงการฯ ได้ โดยต้องไปยืนยันตัวตน ณ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสินได้ตั้งแต่วันที่ประกาศผลผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ (ภายในระยะเวลา 180 วัน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) (ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด)
ผู้ลงทะเบียนกลุ่มทั่วไป
จะต้องดำเนินการโดยยื่นแบบฟอร์มการลงทะเบียน พร้อมหนังสือประกอบการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ โดยต้องลายมือชื่อของผู้ลงทะเบียน ลายมือชื่อของพยานรับรองจำนวน 2 คน และเอกสารประกอบการลงทะเบียนอื่น ๆ (กรณีที่มีบุตรอายุต่ำกว่า 18 ปี) และผู้ลงทะเบียนจะต้องนำเอกสารทั้งหมดไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน
ทั้งนี้ หากผู้ลงทะเบียนกลุ่มทั่วไปผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ผู้ลงทะเบียนจะต้องนำใบสำคัญการหย่าหรือเอกสารอื่นใดที่คณะกรรมการฯ กำหนดมาแสดงและยืนยันตัวตน ณ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน ได้ตั้งแต่วันที่ประกาศผลผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ (ภายในระยะเวลา 180 วัน) และธนาคารกรุงไทยฯ (ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด) จึงจะสามารถใช้สิทธิ์ตามโครงการฯ ได้
โดยผู้ลงทะเบียนกลุ่มทั่วไปจะต้องนำใบสำคัญการหย่าหรือเอกสารอื่นใดที่คณะกรรมการฯ กำหนดมาแสดงให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติจึงจะสามารถใช้สิทธิ์ตามโครงการฯ ได้
ดาวน์โหลดหนังสือประกอบการพิจารณาเข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดหนังสือประกอบการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ ได้จากเว็บไซต์ของโครงการฯ ได้ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ www.บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th หรือติดต่อขอรับจากหน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วยทั่วประทศ
โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการสำหรับผู้ลงทะเบียนโครงการฯ ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทะเบียนที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้ ขยายเวลาลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จาก 5 กันยายน – 19 ตุลาคม 2565 เป็นสิ้นสุด 31 ตุลาคม 2565 แทน
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงทะเบียนสมัครบัตรคนจน 2565
- เป็นผู้มีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป
- ไม่เป็นบุคคล ดังต่อไปนี้
- ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
- ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง
- บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ
- ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ
- ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ
- ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
- ว่างงานหรือมีรายได้ส่วนตัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง และหากมีครอบครัว รายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมรายได้ของผู้ลงทะเบียน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว)
- ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ ของผู้ลงทะเบียนต้องมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง และหากมีครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมมูลค่าทรัพย์สินทางการเงินของผู้ลงทะเบียน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว)
- ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือถ้ามีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
- กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา และ/หรือ ห้องชุดต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
- ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่หรือ
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- ผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
- กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว
- ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือ
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
- ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
- ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีบัตรเครดิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
- ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ ได้แก่ วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และ/หรือ วงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท
ช่องทางการลงทะเบียนบัตรคนจน 2565 รอบใหม่
- ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์กระทรวงการคลัง https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ http://welfare.mof.go.th
- ลงทะเบียน ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนในพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่
- สำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัด
- ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ
- สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร 50 เขต
- สำนักงานเมืองพัทยา
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขา
- ธนาคารออมสิน ทุกสาขา
- ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา
ขั้นตอนการลงทะเบียนบัตรคนจน (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ)
- ไปที่เว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง หรือ ธนาคารที่สะดวก ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และ ธ.ก.ส.
- แสดงบัตรประชาชน
- กรอกแบบฟอร์มแจ้งข้อมูลส่วนตัว รายได้ ทรัพย์สิน และหนี้สินของตน
- เก็บหลักฐานไว้เพื่อยืนยันการลงทะเบียน
ช่วงเวลาสำหรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 สำหรับ ผู้ลงทะเบียนที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้
- เริ่มตั้งแต่ 5 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565* ขยายเวลาลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จากเดิมที่สิ้นสุด 19 ตุลาคม 2565 ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2565
ดาวน์โหลดแบบฟอร์มโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565
กรณีต้องการลงทะเบียนเป็นแบบฟอร์มกระดาษก็สามารถโหลดเอกสารด้านล่างนี้นำไปใช้ได้เช่นกัน
- แบบฟอร์มโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 > คลิกที่นี่
- หนังสือมอบอำนาจ – หนังสือมอบฉันทะสำหรับผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุ > คลิกที่นี่
สิทธิประโยชน์ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 (ผู้ถือบัตรคนจน)
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดภาระค่าครองชีพ เช่น
- ค่าซื้อสินค้า 200-300 บาท
- ค่าเดินทางรถโดยสารสาธารณะ 500 บาท
- ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาท (ต่อรอบ 3 เดือน) กรณีเป็นกลุ่มเปราะบาง จะได้ส่วนลด 100 บาท (ต่อรอบ 3 เดือน)
- เงินช่วยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือน (ตามที่จ่ายจริง)
- เงินช่วยค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือน (ตามที่จ่ายจริง)
- เงินพิเศษผู้พิการ 200 บาท
- ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เป็นพ่อค้า แม่ค้า หาบเร่แผงลอย ร้านค้าขนาดเล็กต่างๆ จะได้ส่วนลดก๊าซหุงต้มพีที (ปตท.) 100 บาท ที่ร้านจำหน่ายที่ร่วมโครงการ
- เงินพิเศษผู้สูงอายุ 50-100 บาท (ขึ้นอยู่กับเกณฑ์รายได้)
ช่องทาง เช็คสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ล่าสุดวันนี้
- เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ
- เว็บไซต์ http://welfare.mof.go.th
ผลการตรวจสอบผลการลงทะเบียนบัตรคนจน
พิจารณาแล้ว “ผ่าน” คุณสมบัติ
- ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติจะต้องยืนยันตัวตนที่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทย โดยสามารถยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่ 9 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
พิจารณาแล้วยัง “ไม่ผ่าน” คุณสมบัติ
- ผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติสามารถดำเนินการยื่นเรื่องอุทธรณ์ให้พิจารณาใหม่ ผ่านช่องทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือช่องทางอื่นที่กระทรวงการคลังกำหนด เริ่มตั้งแต่ 9 – 31 มกราคม 2566
กรณีระบบแสดงข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์”
หากตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน แล้วพบว่าสถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ สาเหุตเกิดจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนและข้อมูลครอบครัว ที่กรอกไว้ไม่ตรงกับฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ผู้ลงทะเบียนจะต้องแก้ไขข้อมูลของตนเองให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ที่หน่วยรับลงทะเบียนที่ได้ลงทะเบียน หรือได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนไว้เท่านั้น
สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซด์ที่ไม่มีครอบครัว (โสด) สามารถแจ้งแก้ไขข้อมูลหน่วยรับลงทะเบียนใดก็ได้
ช่วงเวลาแก้ไขข้อมูล
ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2565 และจะประกาศผลการลงทะเบียนในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565
ตรวจสอบผลการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ได้ทุกวันศุกร์ ตามรอบการลงทะเบียน
กระทรวงการคลัง ได้เผยแพร่ตารางประกาศผลการลงทะเบียน หรือ ผลการตรวจความสัมพันธ์กับกรมการปกครอง โดยผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 หรือ บัตรคนจน สามารถตรวจสอบผลประกาศในแต่ละรอบ โดยนับจากวันที่กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนที่ครบถ้วน โดยมีกำหนดการตามรอบดังต่อไปนี้
รอบที่ 1
- ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 5 – 8 กันยายน 2565
- ประกาศผลภายในวันที่ 16 กันยายน 2565
รอบที่ 2
- ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 9 – 15 กันยายน 2565
- ประกาศผลภายในวันที่ 23 กันยายน 2565
รอบที่ 3
- ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 16 – 22 กันยายน 2565
- ประกาศผลภายในวันที่ 30 กันยายน 2565
รอบที่ 4
- ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 23 – 29 กันยายน 2565
- ประกาศผลภายในวันที่ 7 ตุลาคม 2565
รอบที่ 5
- ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 6 ตุลาคม 2565
- ประกาศผลภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2565
รอบที่ 6
- ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 7 – 13 ตุลาคม 2565
- ประกาศผลภายในวันที่ 21 ตุลาคม 2565
รอบที่ 7
- ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 14 – 19 ตุลาคม 2565
- ประกาศผลภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2565
ข้อควรทราบเกี่ยวกับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565
- คนในครอบครัวเดียวกัน เช่น สามี/ภรรยา ที่เป็นคู่สมรสกันก็สามารถลงทะเบียนได้ทั้งคู่ ไม่ใช่หนึ่งครอบครัวหนึ่งสิทธิ ดังนั้น หากผ่านเกณฑ์คุณสมบัติก็มีสิทธิที่จะเป็นผู้ได้รับสิทธิทั้งสามีและภรรยา
- ในการลงทะเบียนหากมีการบันทึกข้อมูล ในระบบแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้อีก ด้วยเหตุนี้ ผู้ลงทะเบียนจะต้องตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลที่กรอกในแบบฟอร์มลงทะเบียนให้ถูกต้อง ก่อนบันทึกข้อมูล
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถศึกษารายละเอียดการดำเนินโครงการฯ เพิ่มเติมได้ตามช่องทางต่อไปนี้
- เว็บไซต์ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โทร. 094-858-9794 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.)
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 02 273 9020 ต่อ 3502 3503 3506 3536 3542 3518 หรือ โทร. 08-5842-7102 , 08-5842-7103, 08-5842-7104 ,08-5842-7105, 08-5842-7106, 08-5842-7107 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.)
- ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร. 02-109-2345 (เวลาทำการ 08.30 – 17.30 น.)