อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 2565 ประกาศเป็น กม. เริ่มใช้ 1 ต.ค.

ทั่วไป

ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 11) เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป

ด้วยคณะกรรมการค่าจ้างได้มีการประชุมศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2565 และมีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อใช้บังคับแก่นายจ้างและลูกจ้างทุกคน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 79 (3) และมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 คณะกรรมการค่าจ้าง จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 10) ลงวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ข้อ 2 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบสี่บาท ในท้องที่จังหวัดชลบุรี ภูเก็ต และระยอง

ข้อ 3 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าสิบสามบาท ในท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร

ข้อ 4 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสี่สิบห้าบาท ในท้องที่จังหวัดฉะเชิงเทรา

ข้อ 5 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสี่สิบสามบาท ในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ข้อ 6 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสี่สิบบาท ในท้องที่จังหวัดกระบี่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ตราด นครราชสีมา ปราจีนบุรี พังงา ลพบุรี สงขลา สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย และอุบลราชธานี

ข้อ 7 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบแปดบาท ในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จันทบุรี นครนายก มุกดาหาร สกลนคร และสมุทรสงคราม

ข้อ 8 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบห้าบาท ในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี ชัยนาท นครพนม นครสวรรค์ บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา พัทลุง เพชรบุรี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สระแก้ว สุรินทร์ อ่างทอง และอุตรดิตถ์

ข้อ 9 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสามสิบสองบาท ในท้องที่จังหวัดกำแพงเพชร ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย ตรัง ตาก นครศรีธรรมราช พิจิตร แพร่ มหาสารคาม
แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลำปาง ลำพูน ศรีสะเกษ สตูล สิงห์บุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ และอุทัยธานี

ข้อ 10 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยยี่สิบแปดบาท ในท้องที่จังหวัดนราธิวาส น่าน ปัตตานี ยะลา และอุดรธานี

ข้อ 11 เพื่อประโยชน์ตามข้อ 2 ถึงข้อ 10 คำว่า “วัน” หมายถึง เวลาทำงานปกติของลูกจ้าง ซึ่งไม่เกินชั่วโมงทำงานดังต่อไปนี้ แม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างทำงานน้อยกว่าเวลาทำงานปกติเพียงใดก็ตาม

(1) เจ็ดชั่วโมง สำหรับงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

(2) แปดชั่วโมง สำหรับงานอื่นซึ่งไม่ใช่งานตาม (1)

ข้อ 12 ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นเงินแก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ

ข้อ 13 ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2565

บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์

ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการค่าจ้าง

สรุป “อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ” ใหม่ เริ่ม 1 ต.ค. 2565 เรียงลำดับอัตราค่าแรงใหม่จากสูงไปต่ำ

1. อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 354 บาท จำนวน 6 จังหวัด

ปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 354 บาท ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่

  1. ชลบุรี (จากเดิมวันละ 336 บาท)
  2. ระยอง (จากเดิมวันละ 335 บาท) และ
  3. ภูเก็ต (จากเดิมวันละ 336 บาท)

2. อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 353 บาท จำนวน 6 จังหวัด

ปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 353 บาท ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่

  1. กรุงเทพมหานคร (จากเดิมวันละ 331 บาท)
  2. นนทบุรี (จากเดิมวันละ 331 บาท)
  3. นครปฐม (จากเดิมวันละ 331 บาท)
  4. ปทุมธานี (จากเดิมวันละ 331 บาท)
  5. สมุทรปราการ (จากเดิมวันละ 331 บาท) และ
  6. สมุทรสาคร (จากเดิมวันละ 331 บาท)

3. อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 345 บาท จำนวน 1 จังหวัด

ปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 345 บาท ในพื้นที่ 1 จังหวัด ได้แก่

  1. ฉะเชิงเทรา (จากเดิมวันละ 330 บาท)

4. อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 343 บาท จำนวน 1 จังหวัด

ปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 343 บาท ในพื้นที่ 1 จังหวัด ได้แก่

  1. พระนครศรีอยุธยา (จากเดิมวันละ 325 บาท)

5. อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 340 บาท จำนวน 14 จังหวัด

ปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 340 บาท ในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่

  1. กระบี่ (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  2. ขอนแก่น (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  3. เชียงใหม่ (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  4. ตราด (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  5. นครราชสีมา (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  6. ปราจีนบุรี (จากเดิมวันละ 324 บาท)
  7. พังงา (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  8. ลพบุรี (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  9. สงขลา (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  10. สระบุรี (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  11. สุพรรณบุรี (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  12. สุราษฎร์ธานี (จากเดิมวันละ 325 บาท)
  13. หนองคาย (จากเดิมวันละ 325 บาท) และ
  14. อุบลราชธานี (จากเดิมวันละ 325 บาท)

6. อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 338 บาท จำนวน 6 จังหวัด

ปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 338 บาท ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่

  1. กาฬสินธุ์ (จากเดิมวันละ 332 บาท)
  2. จันทบุรี (จากเดิมวันละ 332 บาท)
  3. นครนายก (จากเดิมวันละ 332 บาท)
  4. มุกดาหาร (จากเดิมวันละ 332 บาท)
  5. สกลนคร (จากเดิมวันละ 332 บาท) และ
  6. สมุทรสงคราม (จากเดิมวันละ 332 บาท)

7. อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 335 บาท จำนวน 19 จังหวัด

ปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 335 บาท ในพื้นที่ 19 จังหวัด ได้แก่

  1. กาญจนบุรี (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  2. ชัยนาท (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  3. นครพนม (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  4. นครสวรรค์ (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  5. บึงกาฬ (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  6. บุรีรัมย์ (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  7. ประจวบคีรีขันธ์ (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  8. พะเยา (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  9. พัทลุง (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  10. พิษณุโลก (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  11. เพชรบุรี (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  12. เพชรบูรณ์ (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  13. ยโสธร (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  14. ร้อยเอ็ด (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  15. เลย (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  16. สระแก้ว (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  17. สุรินทร์ (จากเดิมวันละ 320 บาท)
  18. อ่างทอง (จากเดิมวันละ 320 บาท) และ
  19. อุตรดิตถ์ (จากเดิมวันละ 320 บาท)

8. อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 332 บาท จำนวน 22 จังหวัด

ปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 332 บาท ในพื้นที่ 22 จังหวัด ได้แก่

  1. กำแพงเพชร (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  2. ชัยภูมิ (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  3. ชุมพร (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  4. เชียงราย (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  5. ตรัง (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  6. ตาก (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  7. นครศรีธรรมราช (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  8. พิจิตร (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  9. แพร่ (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  10. มหาสารคาม (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  11. แม่ฮ่องสอน (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  12. ระนอง (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  13. ราชบุรี (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  14. ลำปาง (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  15. ลำพูน (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  16. ศรีสะเกษ (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  17. สตูล (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  18. สิงห์บุรี (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  19. สุโขทัย (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  20. หนองบัวลำภู (จากเดิมวันละ 315 บาท)
  21. อำนาจเจริญ (จากเดิมวันละ 315 บาท) และ
  22. อุทัยธานี (จากเดิมวันละ 315 บาท)

9. อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 328 บาท จำนวน 5 จังหวัด

ปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็นวันละ 328 บาท ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่

  1. ยะลา (จากเดิมวันละ 313 บาท)
  2. ปัตตานี (จากเดิมวันละ 313 บาท)
  3. นราธิวาส (จากเดิมวันละ 313 บาท)
  4. น่าน (จากเดิมวันละ 320 บาท) และ
  5. อุดรธานี (จากเดิมวันละ 320 บาท)

ค่าจ้างขั้นต่ำ ก่อน 1 ตุลาคม 2565

ทั้งนี้ อัตราค่าแรงขั้นต่ำทั่วไปที่ไม่ใช่ค่าจ้างมาตรฐานวิชาชีพ มี 10 อัตรา ซึ่งแบ่งตามพื้นที่แต่ละจังหวัด โดยกำหนดอัตราต่ำสุด 313 บาท และอัตราสูงสุด 336 บาท อ้างอิงตาม ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 10) สรุปเป็นตารางได้ดังนี้

อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เขตท้องที่บังคับใช้
336 บาท/วัน
  1. ชลบุรี
  2. ภูเก็ต
335 บาท/วัน
  1. ระยอง

331 บาท/วัน
  1. กรุงเทพมหานคร
  2. นครปฐม
  3. นนทบุรี
  4. ปทุมธานี
  5. สมุทรปราการ
  6. สมุทรสาคร
330 บาท/วัน
  1. ฉะเชิงเทรา
325 บาท/วัน
  1. กระบี่
  2. ขอนแก่น
  3. เชียงใหม่
  4. ตราด
  5. นครราชสีมา
  6. พระนครศรีอยุธยา
  7. พังงา
  8. ลพบุรี
  9. สงขลา
  10. สระบุรี
  11. สุพรรณบุรี
  12. สุราษฎร์ธานี
  13. หนองคาย
  14. อุบลราชธานี
324 บาท/วัน
  1. ปราจีนบุรี

323 บาท/วัน
  1. กาฬสินธ์ุ
  2. จันทบุรี
  3. นครนายก
  4. มุกดาหาร
  5. สกลนคร
  6. สมุทรสงคราม
320 บาท/วัน
  1. กาญจนบุรี
  2. ชัยนาท
  3. นครพนม
  4. นครสวรรค์
  5. น่าน
  6. บึงกาฬ
  7. บุรีรัมย์
  8. ประจวบคีรีขันธ์
  9. พัทลุง
  10. พิษณุโลก
  11. เพชรบุรี
  12. เพชรบูรณ์
  13. พะเยา
  14. ยโสธร
  15. ร้อยเอ็ด
  16. เลย
  17. สระแก้ว
  18. สุรินทร์
  19. อ่างทอง
  20. อุดรธานี
  21. อุตรดิตถ์
315 บาท/วัน
  1. กำแพงเพชร
  2. ชัยภูมิ
  3. ชุมพร
  4. เชียงราย
  5. ตรัง
  6. ตาก
  7. นครศรีธรรมราช
  8. พิจิตร
  9. แพร่
  10. มหาสารคาม
  11. แม่ฮ่องสอน
  12. ระนอง
  13. ราชบุรี
  14. ลำปาง
  15. ลำพูน
  16. ศรีสะเกษ
  17. สตูล
  18. สิงห์บุรี
  19. สุโขทัย
  20. หนองบัวลำภู
  21. อุทัยธานี
  22. อำนาจเจริญ
313 บาท/วัน
  1. นราธิวาส
  2. ปัตตานี
  3. ยะลา

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2565 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการค่าจ้าง ซึ่งนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 21 ครั้งที่ 8/2565 เพื่อพิจารณากลั่นกรองข้อเสนออัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ปี 2565 ร่วมกับไตรภาคี ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และหน่วยงานภาครัฐ โดยที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างฯ ได้เห็นชอบปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2565 ทั้ง 77 จังหวัด จำนวน 9 อัตรา โดยกำหนดอัตราเริ่มต้นตั้งแต่วันละ 328 บาท ถึง 354 บาท เพื่อให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป

ด้านนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า การพิจารณาปรับ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ สำหรับปี 2565 ครั้งนี้มีอัตราค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 337 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมคิดเป็นอัตรา 5.02% โดยที่ประชุมฯ ได้พิจารณากำหนดบนพื้นฐานของความเสมอภาค เพื่อให้นายจ้างสามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้ ลูกจ้างสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข และเพื่อเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ

ทั้งนี้ เมื่อมีการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่สำหรับปี 2565 แล้ว คณะกรรมการค่าจ้างได้มีข้อเสนอให้รัฐบาลมีการออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการปรับ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ในส่วนค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ เพื่อนำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้นำผลสรุปเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งที่ประชุม ครม. ได้ให้ความเห็นชอบแล้วตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2565

app icon
iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
star star star star star
(100K+)