เทศกาลคำนวณภาษีวนกลับมาอีกครั้ง และวันนี้ iTAX จะรวมทุกสิ่งที่ผู้เสียภาษีจำเป็นต้องรู้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการยื่นภาษีประจำปี 2562 ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่อึดใจ ถ้าอยากรู้ว่า ยื่นภาษีปี 2562 ต่างจากปีอื่นอย่างไร? เงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2562 ต่างจากปีที่แล้วอย่างไร? และในการเริ่มต้นคำนวณภาษีแต่ละครั้ง เราในฐานะผู้เสียภาษีต้องรู้อะไรบ้าง? เลื่อนลงมาเลย!>
1. ต้องรู้ว่าตลอดปีที่ผ่านมา มีรายได้เท่าไหร่?
ก่อนจะเริ่มต้นคำนวณภาษี คุณจะต้องรู้ก่อนว่า ตลอดปีที่ผ่านมาคุณมีรายได้เท่าไหร่? รายได้ของคุณอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องยื่นภาษีหรือไม่? และสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้จากการทำงานประจำแค่ทางเดียว
กฎหมายกำหนดไว้ว่า ผู้ที่มีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 120,000 บาท (รายได้เฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาท) ไม่ต้องทำการยื่นภาษี และกำหนดขอบเขตรายได้ที่ต้องทำการยื่นภาษีและเสียภาษีไว้ดังนี้
- เงินเดือนไม่เกิน 10,000 บาท = ไม่ต้องยื่นภาษี
- เงินเดือนไม่เกิน 26,583.33 = ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
- เงินเดือนมากกว่า 26,583.33 = ต้องยื่นภาษี และต้องเสียภาษี
- กรณีไม่ได้จ่ายประกันสังคม และ เงินเดือนไม่เกิน 25,833.33 = ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
- กรณีจ่ายประกันสังคม และมีเงินเดือนเกิน 25,833.33 = ต้องยื่นภาษี และต้องเสียภาษี
เพิ่มเติมที่ : รู้ยัง เงินเดือนเท่าไหร่ถึงไม่ต้องเสียภาษี?
2. ต้องรู้ว่า การคำนวณภาษี มี 2 วิธี
การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะคิดเป็นรายปีปฏิทิน หรือที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันว่า ปีภาษี โดยวิธีคำนวณภาษีมีอยู่ 2 วิธี คือ
1. การคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิแบบขั้นบันได 0 – 35% โดยสามารถคำนวณได้จากสมการ
“เงินได้ – ค่าใช้จ่าย 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท – ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท = เงินได้สุทธิ”
จากนั้นนำ
“เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย”
ซึ่งการคำนวณภาษีแบบขั้นบันได จะเพิ่มขึ้นตามเงินได้สุทธิของผู้เสียภาษี ซึ่งอัตราภาษีปัจจุบันคือ
เงินได้สุทธิ (บาท) | อัตราภาษี |
0 – 150,000 | ได้รับการยกเว้นภาษี |
> 150,000 – 300,000 | 5% |
> 300,000 – 500,000 | 10% |
> 500,000 – 750,000 | 15% |
> 750,000 – 1,000,000 | 20% |
> 1,000,000 – 2,000,000 | 25% |
> 2,000,000 – 5,000,000 | 30% |
> 5,000,000 | 35% |
ตัวอย่าง
หากคุณมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 30,000 บาท จะมีรายได้รวมทั้งปี (12 เดือน) คือ 360,000 บาท
เงินได้ ฿360,000 – ค่าใช้จ่าย 50% แต่ไม่เกิน ฿100,000 – ค่าลดหย่อนส่วนตัว ฿60,000 = เงินได้สุทธิ ฿200,000
จากนั้น นำเงินได้สุทธิ ฿200,000 x อัตราภาษี 5% = ภาษีที่ต้องจ่าย ฿2,500
นั่นหมายความว่า ภาษีที่คุณต้องจ่ายจะอยู่ที่ 2,500 บาท เป็นต้น
2. การคำนวณภาษีแบบเหมา 0.5% โดยปกติแล้วการคำนวณภาษีแบบเหมามักจะใช้ในกรณีที่ คุณมีรายได้อื่นๆ นอกเหนือจากรายได้จากงานประจำหรือเงินเดือน ซึ่งเป็นการคำนวณโดยการนำรายได้ที่นอกเหนือจากเงินเดือนทั้งหมด คูณ 0.5% จึงจะได้ค่าภาษีที่คุณต้องจ่าย
เงินได้ที่ไม่ใช่เงินเดือน x 0.005 = ภาษีที่ต้องจ่าย
อ่านมาถึงตรงนี้ คนที่มีรายได้หลายทาง หรือ มีรายได้ที่นอกเหนือจากเงินเดือนไม่ต้องตกใจไป เพราะวิธีการคำนวณภาษีแบบเหมานั้น จะถูกนำมาใช้คำนวณภาษีก็ต่อเมื่อ
- เมื่อคำนวณรายได้ทุกทางยกเว้นเงินเดือน แล้วพบว่า มีรายได้อื่นๆ ที่นอกจากเงินเดือนรวมกันเกิน 1,000,000 บาท หรือ มีค่าภาษีที่ต้องเสียเกิน 5,000 บาท (หากคำนวณแล้วได้ค่าภาษีต่ำกว่า หรือ 5,000 พอดี วิธีคำนวณนี้จะไม่ถูกนำมาใช้)
- คำนวณภาษีแบบเหมาแล้วพบว่า ค่าภาษีแบบเหมามากกว่าการคำนวณภาษีแบบขั้นบันได
เพิ่มเติมที่ : อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
3. รู้ค่าภาษีตามฐานเงินเดือนเบื้องต้น
ได้รับเงินเดือน (บาท) | เสียภาษีในอัตรา (%) | เสียภาษีไม่เกิน (บาท) |
20,000 | – | – |
30,000 | 5% | 2,050 |
40,000 | 10% | 8,600 |
50,000 | 10% | 20,600 |
60,000 | 10% | 35,150 |
70,000 | 15% | 53,150 |
80,000 | 20% | 73,200 |
90,000 | 20% | 97,200 |
100,000 | 25% | 122,750 |
หมายเหตุ ค่าภาษีตามฐานเงินเดือนนี้ เป็นการคิดแบบเบื้องต้น โดยมีค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และ เงินประกันสังคม 9,000 บาทเท่านั้น นั่นหมายความว่า หากคุณมีการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอื่นๆ เพิ่ม โอกาสที่คุณจะจ่ายภาษีที่ถูกลงก็เพิ่มตามไปด้วยเช่นกัน
4. รู้ค่าลดหย่อนภาษีประจำปี 2562 มีอะไรบ้าง
ในการคำนวณภาษีทุกครั้ง คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าในปีนั้นๆ มีสิทธิลดหย่อนภาษีอะไรที่เปลี่ยนไป และคุณสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง เพื่อที่คุณจะได้เลือกใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง และช่วยให้จ่ายภาษีได้ถูกลง รวมถึงช่วยเพิ่มโอกาสในการรับเงินคืนภาษีอีกด้วย
รายการลดหย่อนที่ใช้ได้ | อัตราค่าลดหย่อนที่ใช้ได้ (บาท) | หมายเหตุ |
ค่าลดหย่อนส่วนตัว | 60,000 | |
ค่าลดหย่อนคู่สมรส | 60,000 | – กฎหมายกำหนดให้ใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุด 1 คน – ต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น |
ค่าลดหย่อนบุตร | 30,000 – 60,000 | – ลดหย่อนบุตรได้คนละ 30,000 บาท – บุตรคนที่ 2 หรือบุตรที่เกิดในปี 2561 ใช้สิทธิลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท – ลดหย่อนได้ในกรณีที่เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย |
ค่าลดหย่อนบิดามารดา | 30,000 | – สำหรับคนที่เลี้ยงดูพ่อแม่เอง สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้คนละ 30,000 บาท – ระวังการใช้สิทธิ์ซ้ำซ้อน ในกรณีที่มีพี่น้อง |
ค่าลดหย่อนผู้พิการ หรือ ทุพพลภาพ | คนละ 60,000 | |
ค่าฝากครรภ์และทำคลอด | ใช้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000บาท | ต้องเป็นค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร ที่จ่ายตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป |
เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป / เงินฝากแบบมีประกันชีวิต | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท | – ต้องเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่มีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป – เป็นประกันที่ทำกับบริษัทประกันในไทยเท่านั้น |
เบี้ยประกันชีวิตบำนาญ | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท | เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณลดหย่อนภาษีต่างๆ จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท |
เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท | |
เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท | ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และ เงินฝากแบบมีประกันชีวิต จะสามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท |
กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี หรือ ไม่เกิน 500,000 บาท | ต้องถือไว้ครบ 7 ปีปฏิทิน (ซื้อได้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2559 – 31 ธ.ค. 2562 ) |
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) / กบข. / กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนสังเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี หรือ ไม่เกิน 500,000 บาท | |
เงินประกันสังคม | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาท | ลดหย่อนได้ในกรณีที่ทำการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเท่านั้น |
โครงการบ้านหลังแรก | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ในปีภาษี 2562 เท่านั้น) | – สิทธิพิเศษสำหรับคนที่ซื้อบ้านหลังแรกตั้งแต่ 30 เมษา – 31 ธันวา 2562 เท่านั้น – สำหรับคนที่ซื้อบ้านหลังแรก ระหว่าง 13 ต.ค. 2558 – 31 ธ.ค. 2559 สามารถใช้สิทธิลดหย่อนสูงสุดปีละ 120,000 เป็นระยะเวลา 5 ปี |
กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดปีละ 13,200 บาท | – สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับคนที่จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนแห่งชาติเท่านั้น – เมื่อรวมกับ กองทุน RMF, กบข., กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสังเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน, เบี้ยประกันบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท |
ดอกเบี้ยซื้อที่อยู่อาศัย | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท | – ในกรณีที่เป็นการซื้อที่อยู่อาศัยแบบกู้ร่วม สิทธิลดหย่อนภาษีจะเฉลี่ยตามจำนวนคนที่ร่วมกู้ |
เงินลงทุนธุรกิจ Startup | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท | สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับคนที่ลงหุ้น หรือ ลงทุนในธุรกิจ Startup ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2561 – 31 ธ.ค. 2562 |
ค่าธรรมเนียมจากการรับบริการชำระบัตรเดบิต | ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินที่จ่ายจริง ระหว่าง 1 พ.ย. 59 – 31 ธ.ค. 64 | เฉพาะการรับชำระเงินค่าเช่า, ค่าวิชาชีพอิสระ, ค่ารับเหมา (ทั้งค่าแรงและค่าของ), เงินได้จากการประกอบธุรกิจอื่นๆ |
เงินบริจาคพรรคการเมือง | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท | |
ค่าซ่อมบ้านน้ำท่วม | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท | ต้องเป็นค่าใช้จ่ายจากการซ่อมแซมบ้าน ที่จ่ายภายในวันที่ 3 ม.ค. – 31 ม.ค. 2562 |
ค่าซ่อมรถน้ำท่วม | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท | ต้องเป็นค่าใช้จ่ายจากการซ่อมรถจากน้ำท่วม ที่จ่ายภายในวันที่ 3 ม.ค. – 31 ม.ค. 2562 |
ช้อปช่วยชาติ | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท | สำหรับสินค้าที่ซื้อระหว่าง 1 – 16 ม.ค. 2562 |
ค่าลดหย่อนท่องเที่ยว 2562 | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 – 20,000 บาท | สำหรับสินค้าที่ซื้อระหว่าง 30 เม.ย. – 30 มิ.ย. 2562 |
ค่าลดหย่อนสินค้าท่องเที่ยวและกีฬา 2562 | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท | สำหรับสินค้าที่ซื้อระหว่าง 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2562 |
ค่าลดหย่อน OTOP 2562 | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท | สำหรับสินค้าที่ซื้อระหว่าง 30 เม.ย. – 30 มิ.ย. 2562 |
ค่าลดหย่อนหนังสือ และ e-book 2562 | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท | ต้องเป็นการซื้อหนังสือ และ e-book ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2562 |
เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา พัฒนาสังคม และโรงพยาบาลรัฐ | ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน | |
เงินบริจาคทั่วไป | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน |
5. รู้ว่าต้องใช้เอกสารอะไรในการยื่นภาษี
ในการยื่นภาษี คุณจำเป็นที่จะต้องเตรียมเอกสารต่างๆ ไว้ให้เรียบร้อย และเอกสารต่างๆ จะช่วยให้คุณยื่นภาษีได้เร็ว ลดโอกาสที่จะทำให้คุณยื่นภาษีผิดพลาด และที่สำคัญไปกว่านั้น เอกสารยังมีส่วนช่วยให้คุณได้รับเงินคืนภาษีไวขึ้นอีกด้วย และเอกสารที่คุณต้องเตรียมสำหรับการยื่นภาษี ประกอบไปด้วย
5.1 หนังสือรับรองรายได้ หรือ หนังสือหัก ณ ที่จ่าย (ทวิ 50)
หนังสือหัก ณ ที่จ่าย หรือ ใบ 50 ทวิ คือ เอกสารที่ระบุรายได้ที่คุณได้รับจากผู้ว่าจ้าง และภาษีที่ถูกหักไว้ รวมถึงเงินสมทบประกันสังคม, เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ที่คุณจ่ายไปตลอดทั้งปีด้วย นั่นหมายความว่า คุณจะต้องถามหาเอกสารฉบับนี้จากผู้ว่าจ้างไว้ให้เรียบร้อย iTAX ขอแอบกระซิบว่า
- หากคุณมีรายได้จากการทำงานประจำ ผู้ว่าจ้างจะต้องออกใบ 50 ทวิ ให้ภายในวันที่ 15 ก.พ. ของปีถัดไป
- แต่หากคุณออกจากงานระหว่างปี ผู้ว่าจ้างจะต้องออกใบ 50 ทวิ ให้ภายใน 1 เดือน นับจากวันที่คุณสิ้นสุดการทำงานในบริษัทนั้น
หมายเหตุ
- กรณีที่คุณมีรายได้เงินปันผลกองทุน, ดอกเบี้ยเงินฝากคงที่, ดอกเบี้ยหุ้นกู้/ธนบัตร, อย่าลืมขอเอกสารรับรองรายได้จากธนาคารหรือนายทะเบียนด้วย
- กรณีที่คุณต้องการขอเครดิตภาษีเงินปันผล ต้องไม่ลืมขอหนังสือรับรองรายได้และภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ที่ระบุรายได้เงินปันผล ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และอัตราภาษีนิติบุคคลที่จ่ายเงินปันผล จากศูนย์ฝากหลักทรัพย์ (TSD) ด้วย
5.2 เอกสารรับรองการจ่ายค่าเบี้ยประกัน
ในกรณีที่คุณมีการ ซื้อประกันชีวิตลดหย่อนภาษี หรือ ซื้อประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี อย่าลืมเก็บเอกสารรับรองการจ่ายค่าเบี้ยประกันจากบริษัทประกันไว้เป็นหลักฐานด้วย เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความยุ่งยากจากกรณีที่สรรพากรเรียกหาเอกสารภายหลัง
5.3 เอกสารรับรองค่าลดหย่อน
ไม่ว่าจะเป็น เอกสารรับรองดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย, หนังสือรับรองการ ซื้อกองทุน LTF/RMF เป็นต้น และในกรณีที่คุณต้องการใช้
- ค่าลดหย่อนบิดามารดา หากคุณต้องการใช้สิทธิค่าลดหย่อนพ่อแม่ เราแนะนำให้คุณตกลงกับพี่น้องให้เรียบร้อยว่า ใครจะเป็นคนใช้สิทธิลดหย่อนภาษีพ่อแม่ เพราะย้ำกันอีกครั้งว่า สิทธิลดหย่อนภาษีพ่อแม่ ยื่นขอใช้สิทธิซ้ำซ้อนกันไม่ได้ จากนั้นให้เตรียมหนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา (ลย.03 ให้พ่อแม่เซ็นชื่อกำกับ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีด้วย (ดาวน์โหลด ลย. 03 ได้ที่ www.rd.go.th)
- ค่าลดหย่อนผู้พิการหรือทุพพลภาพ หากคุณอุปการะผู้พิการหรือทุพพลภาพ สามารถใช้บัตรประจำตัวผู้พิการ ใบรับรองแพทย์ และเอกสารรับรองการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูผู้ทุพพลภาพ (ล.ย. 04) เป็นหลักฐานในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ (ดาวน์โหลดเอกสาร ลย. 04 ได้ที่ www.rd.go.th)
5.4 เอกสารรับรองการจ่ายเบี้ยประกันสังคม (กรณีฟรีแลนซ์)
ในกรณีที่คุณไม่ได้ทำงานประจำ แต่รับงานเป็นฟรีแลนซ์ และทำการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมไว้ คุณสามารถนำเงินสมทบที่จ่ายไปมาลดหย่อนภาษีได้เหมือนมนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆ แต่เราแนะนำให้คุณทำการรวบรวมใบเสร็จรับเงินที่จ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมจากสำนักงานประกันสังคมไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการยื่นภาษีด้วย
เพิ่มเติมที่ : ฟรีแลนซ์ ยื่นภาษียังไง?
5.5 ใบเสร็จหรือใบกำกับภาษี
ปี 2562 มีค่าลดหย่อนที่เพิ่มมาจากเดิมมากมาย อาทิ ค่าลดหย่อนช้อปช่วยชาติ, ค่าลดหย่อนท่องเที่ยว 2562, ค่าลดหย่อนจากการซื้อสินค้าและอุปกรณ์กีฬา เป็นต้น หากคุณทำการซื้อสินค้าที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ อย่าลืมขอใบเสร็จหรือใบกำกับภาษี หรือ เอกสารที่กรมสรรพากรกำหนดจากร้านค้าและผู้ให้บริการ เพื่อเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วย
6. เรื่องที่หลายคนเข้าใจผิด
ผู้เสียภาษีหลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า ไม่ว่าจะมีรายได้ทั้งปีเท่าไหร่ ก็สามารถนำรายได้ทั้งปีมาคูณอัตราภาษีได้ทันที ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด สิ่งที่ถูกคือ
คุณต้องนำเงินได้พึงประเมิณ (รายได้) มาลบ ค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน จึงจะได้ เงินได้สุทธิ หรือ ฐานภาษีที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ การนำรายได้ทั้งปีมาคูณอัตราภาษี โดยที่ยังไม่หักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนส่วนตัว จะทำให้คุณเสียภาษีมากกว่าที่ควรจะเป็น และทำให้คุณเสียเปรียบและเสียโอกาสทางภาษี เนื่องจากคุณยังไม่มีโอกาสใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อนส่วนตัว รวมถึง สิทธิลดหย่อนภาษีต่างๆ ตามกฎหมาย ที่จะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้นั่นเอง
ส่วนผู้เสียภาษีคนไหนที่อ่านบทความนี้จบและรู้สึกว่า ภาษีเป็นเรื่องยุ่งยาก และยังคงไม่เข้าใจว่าจะเริ่มต้นคำนวณภาษีอย่างไร คุณสามารถใช้บริการคำนวณภาษีที่แอปฯ iTAX ได้ฟรี (ทั้ง iOS และ Android) แล้วคุณจะรู้ว่า การคำนวณภาษีอย่างถูกต้องไม่ยากอย่างที่คิด